ที่ 1 ของข้า ! รายชื่อ อันดับ ค่าเหนื่อยสูงที่สุด พรีเมียร์ลีค ปี 2021

ผีนำโด่งนับตั้งแต่พรีเมียร์ลีค ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 ได้เปลี่ยนแปลง วงการฟุตบอล อังกฤษ ไปอย่างสิ้นเชิง ในแง่ ของ ธุรกิจ จำนวนเม็ดเงิน ที่แต่ละทีมได้ลงทุน กับการสร้าง ทีมได้สูงขึ้นในทุกๆ ปี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าเหนื่อยของ นักฟุตบอล ในปี 1991 ค่าจ้างเฉลี่ย ของนักฟุตบอลในดิวิชั่น1 อยู่ที่ราวๆ แค่1600 ปอนด์ ต่อเดือน เท่านั้นเอง 3ปีต่อมา ตัวเลขดังกล่าวทะยาน

พุ่งขึ้นมาอยู่ ที่ราวๆ 60000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ เลยทีเดียว

ต่อไปนี้ เป็น รายชื่อ ของนักฟุตบอล ที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุด ในพรีเมียร์ลีค ปี 2021

5. Pual Pogba 290000 ปอนด์/สัปดาห์
มิดฟิลด์ ทรงผมขัดใจแม่ยก ย้ายกลับมาร่วมทัพปีศาจแดง ในปี 2559 จากยูเวนตุส เมื่อ 4 ปีก่อน ด้วยค่าตัวสูงถึง 89ล้านปอนด์ เลยทีเดียว
โดยปัจจุบัน อนาคตของเขายังคง เป็นคำถาม สำหรับเหล่าสาวก ปีศาจแดง อยู่ ถ้าเขาไม่ต่อสัญยา แมนเชสเตอร์ยูในเต็ด อาจจะต้องเสียเค้าไปฟรีๆ หลังสัญยาของเค้า จะหมดลงใน ซัมเมอร์ ปี 2022 ก็เป็นได้

4. Raheem Sterling 300000 ปอนด์/สัปดาห์
ปีกทีมชาติอังกฤษย้ายจากลิเวอร์พูล ซบ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ด้วยค่าตัวประมาณ 44ล้านปอนด์ และเขาไม่ทำให้แฟนๆต้องผิดหวัง
ปัจจุบัน เขาเป็นแกนหลักให้กับ ทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า นำโด่ง เป็นที่ 1 ในตาราง สัญยาปัจจุบัน ทำให้เขากลายเป็น ผู้เล่นอังกฤษ ที่ได้ค่าเหนื่อยสูงที่สุด ในยุคนี้

3. Kevin De Bruyne 320833 ปอนด์/สัปดาห์
อดีตมิดฟิลด์ ทีมสิงห์บลู เชลซี ย้ายซบ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ด้วยค่าตัวราวๆ 55 ล้านปอนด์ และกลายเป็น ศูนย์กลางทีม ของเป๊ป กวาดิโอล่า กวาด แชมป์ มาอย่าง มากมาย ในปัจจุบัน เขายัง ถือ เป็น 1 ในกองกลาง ที่เก่งที่สุดในโลก อีกด้วย เชื่อว่าแฟนๆ เชลซี คงจะเสียดายไม่มากก็น้อย

1. (ร่วม) David de Gea 375000 ปอนด์/สัปดาห์
ผู้รักษาประตูชาวสเปน ของทีมปีศาจแดง ย้ายมาจาก แอธเลติโก้ มาดริด โดย เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน หวังจะให้เขามาเป็น ตัวแทนของ
เอ็ด วิน ฟานเดอซาร์ ที่กำลังจะวางมือในเวลานั้น ปัจจุบัน ฟอร์มการเล่นของเขา ยังคงเป็นคำถาม เรื่องขาด ความมั่นใจในการเล่น แต่ถึงอย่างนั้น ทีมปีศาจ แดงก็ยังคงแสดงความเชื่อมั่นในตัวเขา ทำให้ปัจจุบัน เขาเป็น 1ในผู้รักษาประตูที่ ได้ค่าเหนื่อยสูงที่สุดในโลก

1. (ร่วม) Pierre-Emerick Aubameyang 375,000 ปอนด์/สัปดาห์
ศูนย์หน้า ทีมชาติ กาบองได้รับค่าเหนื่อย สูงที่สุดระดับเดียวกับ ดาวิด เด เกอา ที่ผ่านมาอาจจะปืนฝืดไปบ้าง แต่ในปัจจุบัน เขาได้เรียกความมั่นใจ กลับมาระเบิดฟอร์มทำประตู ถล่มทลายได้อีกครั้ง รับเหมา แฮททริค ในนัด ถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ดขาดลอย 4-2

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

ในช่วงเวลาที่ไม่เป็นใจ ! อย่าให้ตัวแพ้ใจ แล้วเดินไปข้างหน้าให้ได้

หลังพ่ายเลสเตอร์ ซิตี้ 1-3 ตัวเลขระบุไว้ว่า 12 เกมหลังสุดทุกรายการของลิเวอร์พูล ชนะแค่ 3 เกมและแพ้ถึง 6 ด้วยกัน

พูดกันตรงๆแบบไม่ต้องอ้อมค้อมนี่คือสัญญาณที่เลวร้ายมากๆ สำหรับเจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งโกยแต้มไปถึง 99 เรียกว่าผ่านครึ่งทางก็แทบจะสลักชื่อไว้บนฐานโทรฟี่ได้เลย

แต่มาซีซั่นนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแบบปุบปับ อย่าว่าแต่เดอะ ค็อปทั้งหลายไม่ทันตั้งตัวและทำใจ แต่บรรดานักเตะหรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เองก็ไม่แตกต่างกัน

เข้าใจว่าปัญหามาจากอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในแนวรับ เมื่อต้องขาดหายไปทั้ง เฟอร์กิล ฟานไดค์ และ โจ โกเมซ สองกระดูกสันหลัง อีกทั้งไม่ได้ซื้อใครมาแทน เดยัน ลอฟเรน ดราม่าเลยตามมาทันที

ดังนั้นจึงได้แค่คว้าแข้งโนเนมอย่าง เบน เดวิส และ ตัดสินใจยืม โอซาน คาบัค มาจากชาลเก้ 04 พร้อมอ็อปชั่นซื้อขาด

เดวิส ถือเป็นดีลเซอร์ไพรส์ได้มาจากเปรสตัน นอร์ธเอนด์ทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ แทบไม่เคยมีใครรู้จักมักจี่หรือเห็นฟอร์มแบบชัดๆเลย

แต่การได้เซ็นเตอร์แบ็กอาชีพมาช่วย ก็ย่อมเป็นเรื่องดีกว่าใช้กองกลางมาเล่นแทนแก้ขัด

ส่วนเคสของ คาบัค น่าสนใจมาก เคยตกเป็นข่าวโยงกับลิเวอร์พูลอย่างหนักเมื่อซัมเมอร์ แต่โดนโก่งราคาโหดเกิน จนต้องถอยกลับมาตั้งหลักกันใหม่

แน่นอนว่า คาบัค ยังใหม่มากๆ การสื่อสารอาจกลายเป็นปัญหา ทว่ามันไม่ควรมาพลาดในช่วงเวลาแบบนี้

จากที่ช็อกอยู่แล้ว อาการผู้เล่นลิเวอร์พูลยิ่งหนักกว่าเดิม กระทั่งนำไปสู่การเสียประตูที่สาม ซึ่งกองหลังเติร์กมีส่วนรับผิดชอบด้วยเช่นเดียวกัน จากการเช็คไลน์ไม่ดี

ปัญหาของลิเวอร์พูลไม่ได้อยู่ที่เกมรับรั่วหนักเท่านั้น แต่ยังลามไปยังเรื่องสภาพจิตใจอีกด้วย

เหมือนอย่างที่ คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ไว้นั่นแหล่ะ ความผิดพลาดบุคคลนำไปสู่หายนะ พยายามปรับปรุงแล้ว แต่เมื่อนักเตะตอบสนองไม่ได้เองก็ต้องยอมรับ

ทุกอย่างถาโถมมาในช่วงเวลาเดียวกัน การที่ คล็อปป์ ยังยืนหยัดต่อสู้ได้ขนาดนี้ ต้องรับเลยว่าแกร่งมากพอแล้ว

แต่อาจไม่มากพอที่จะพาทีมกลับเข้าสู่เส้นทางของตัวเอง ซึ่งเดอะ ค็อปทั้งหลายต่างเข้าใจดีในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครโทษบอสแน่นอน

นี่คือเวลาที่นักเตะลิเวอร์พูลต้องลืมฝันร้ายที่ผ่านมาให้ได้ทั้งหมด ลืมเรื่องป้องกันแชมป์ นึกแค่ว่าจากนี้ทุกนัดเล่นให้เหมือนนัดชิงบอลถ้วย

คล็อปป์ เคยนำนาวาฝ่าพายุห่าใหญ่มาได้แล้ว หากจะต้องกอดคอต่อสู่ด้วยกันอีกครั้ง มันคงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรอก

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

เอดินสัน คาวานี่ ! ทุกอย่างที่ผ่านการพิสูจน์เรียบร้อย

เอดินสัน คาวานี่ ย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดก่อนเส้นตายตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ไม่กี่ชั่วโมง

สัญญา 1 ปีพ่วงด้วยอ็อปชั่นอีก 1 ปี ถือว่าสมเหตุสมผลกับนักเตะวัย 33 ย่าง 34 ปี

ข้อดีคือแมนฯยูไนเต็ดไม่ต้องจ่ายสักเพนนีเดียวให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมงเพื่อเป็นค่าตัวของ คาวานี่

แม้จะต้องควักค่าดำเนินการหรือเรียกว่าค่าน้ำร้อนน้ำชาให้กับ วอลเตอร์ กูกลีเอลโมเน่ เอเยนต์นักเตะซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆก็ตาม ยังไงก็ถือว่าคุ้ม

คาวานี่ เหมือนกับ เบล นั่นแหล่ะ พกเอาสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ติดมาด้วย หลังบาดเจ็บและแทบร้างสนามไม่ได้ลงเล่นให้เปแอสเชอย่างต่อเนื่อง

ครั้งสุดท้ายที่ลงต้องย้อนไปยัง 11 มีนาคมในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกดวลกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จากนั้นก็ไม่เคยสัมผัสเกมอีกเลย

อย่างไรก็ดีก่อนเซ็นกับปีศาจแดง คาวานี่ พยายามรักษาร่างกายเรียกความฟิตตลอด เมื่อถึงเวลาจะได้พร้อมอย่างเต็มที่ไม่ต้องมารื้อฟื้นกันใหม่

ช่วงแรกจึงยังไม่ได้รับความไว้วางใจจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ซึ่งอธิบายไว้ว่าต้องการให้ร่างกายลงตัว ไม่อย่างนั้นอาจเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บซ้ำได้อีก

กว่าที่ คาวานี่ จะประเดิมต้องรอถึง 24 ตุลาคม ลงมาเป็นตัวสำรองแทน แดน เจมส์ ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเกมลีกเสมอเชลซีแบบโนสกอร์ ซึ่งยังไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรนัก

แต่สิ่งที่ คาวานี่ สร้างความประทับใจมากๆคือช่วงฝึกซ้อม เปิดเผยให้เห็นความเป็นมืออาชีพเต็มเปี่ยม

ใครที่ไม่เคยรู้จักตัวตนหรือสัมผัสมาก่อน อาจเตลิดคิดไปว่า คาวานี่ ย่อมเหมือนกับแข้งอเมริกาใต้ทั่วไป ฝีเท้าไม่เป็นที่สงสัย แต่อารมณ์ศิลปิน มักทำตามใจตัวเอง ไม่ค่อยเน้นการทำงานหนัก เพราะคิดว่ามีพรสวรรค์คอยสนับสนุน

ทว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คาวานี่ มุ่งมั่นและทำงานอย่างหนัก ไม่เคยแสดงอาการเหยาะแหยะ รวมทั้งคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์เลย

นอกจากนั้นยังใส่ใจทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องใหญ่ไล่ไปจนถึงสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเล็กน้อย

ขนาดอาหารที่สโมสรจัดให้ซึ่งถูกหลักตามโภชนาการอยู่แล้ว กินได้ตามสะดวก แต่เขายังพิถีพิถัน ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาสวาปาม

พฤติกรรมเหล่านี้อยู่ในสายตาของ โซลชา และทีมงานมาตลอด ส่วนเพื่อนร่วมทีมก็รู้สึกดีเช่นกัน เพราะ คาวานี่ ยังคอยสอนน้องๆทุกคน พวกแข้งตัวรุกจะได้รับคำแนะนำที่ดี

ประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพ คือจุดแข็งช่วยให้ คาวานี่ ยืนหยัดในจุดนี้ได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักเตะที่อายุมากขึ้นทุกวัน

โซลชา ชื่นชมในตัวแข้งอุรุกวัยหลายอย่าง แม้กระทั่งการวิ่งไล่บอลกดดันฝั่งตรงข้าม ก็ล้วนแต่โชว์ให้รู้เลยว่าแพสชั่นแค่ไหน ไม่ใช่ว่าย้ายมาเพื่อโกยเงินในช่วงท้ายของอาชีพ

ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากสโมสรจะตัดสินใจใช้อ็อปชั่นขยายสัญญาอีก 1 ปี ทุกอย่างเหมาะสม ไม่มีเหตุผลอะไรต้องมาค้างคากังขาน่าสงสัย

ตอนย้ายมาเขาอาจดูเหมือนว่าเป็นดีล panic buy ซื้อเพราะไม่ได้ใครแล้ว ล้มเหลวในการเจรจากับ เจดอน ซานโช่ เลยต้องรีบหาใครสักคนมาเสริม ไม่อย่างนั้นบอร์ดโดนถล่ม

ทุกอย่างผ่านการพิสูจน์เรียบร้อย สำหรับ คาวานี่ ไม่มีอะไรให้เคลือบแคลงกันอีก ของฟรีมีคุณภาพนานๆทีถึงตกมายังแมนฯยูไนเต็ดกันบ้าง

ซีเนดีน ซีดาน ! ปัญหาที่ต้องเผชิญเวลานี้มันหนักจริง ๆ

ย้อนกลับไปเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรอัล มาดริดมีคิวเตะเกมลีกกับเคตาเฟ่

ระหว่างที่นำอยู่ 2-0 จนกระทั่งเข้าสู่ 15 นาทีสุดท้าย ซีเนดีน ซีดาน เตรียมจะเปลี่ยนผู้เล่นสำรองลงมา นอกจากินเวลาได้แล้ว ยังถือโอกาสให้ตัวหลักได้พักบ้าง เป็นการหมุนเวียนในยามโปรแกรมชุกแบบนี้

ดังนั้นจึงหันไปสั่ง อีสโก้ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ให้ถอดเสื้อวอร์มออกเตรียมความพร้อมเพื่อลงไปเล่น

อย่างที่รู้กันช่วงหลังความสัมพันธ์ของดาวเตะร่างเล็กกับเจ้านายง่อนแง่นมากๆ ปลายปีที่แล้ว ซีดาน เตือนผ่านสื่อว่าต้องรีดฟอร์มตัวเองมากกว่านี้ถึงได้รับโอกาส

ส่วนตัว อีสโก้ เองเคยบ่นเหมือนกันว่าได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทีไรก็ถูกเปลี่ยนเสมอหรือไม่พอลงเป็นตัวสำรองก็เหลือไม่ถึง 10 นาทีสุดท้าย

แล้วเกมกับเคตาเฟ่ ซีดาน ต้องเจอปัญหาแข้งบาดเจ็บระนาว แทนที่จะเข็น อีสโก้ ลงตัวจริงกลับใช้งานเด็กอย่าง มาร์วิน พาร์ค และ เซร์คิโอ อาร์รีบาส

นั่นย่อมทำให้ อีสโก้ ผิดหวังแน่นอนที่ถูกมองข้ามอย่างนี้ แม้จะได้รับคำอธิบายชัดเจนว่าเพิ่งกลับมาซ้อม

นับตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว อีสโก้ เพิ่งเล่นให้มาดริดแค่ 126 นาทีเท่านั้น ทั้งบาดเจ็บทั้งโดนดร็อป

แทนที่ อีสโก้ จะกระตือรือร้นที่ได้ลงเล่น กลับนวยนาดลุกขึ้นมา หยิบขวดน้ำมาเทแล้วลูบผมวนไปวนมา 3 รอบด้วยกัน กล้องทีวีจับภาพได้นับเวลาแล้ว 1 นาที 20 วินาทีที่ทำอยู่อย่างนั้น

ก่อนจะวิ่งตามโค้ชไปอบอุ่นร่างกาย กว่าจะได้ลงมาก็ปาเข้าไปช่วง 10 นาทีสุดท้ายแล้ว

นับเป็นการตอบสนองที่แย่มากๆของนักเตะซึ่งควรมีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้

นอกจากจะต้องเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของ แกเร็ธ เบล ยังต้องมาเจอ อีสโก้ อีกราย นั่นหมายความแข้งประเภทดังกล่าวคงต้องถูกปล่อย เพื่อให้ขุมกำลังเกิดเสถียรภาพมากกว่าเคย

แล้ว ซีดาน แทบจะไม่พูด รวมถึงไม่แทบไม่เคยตำหนิลูกทีมออกสื่อ อีกทั้งยังพยายามให้โอกาสอย่างสม่ำเสมอ

ถึงบอกว่าปัญหาที่ต้องเผชิญเวลานี้มันหนักจริงๆ การจะฝ่าไปแบบรักษาตัวรอดปลอดภัยไม่ง่ายเลย แล้วเป้าหมายของมาดริดต้องป้องกันแชมป์ลาลีกาและกลับมาผงาดเจ้ายุโรป

หาก ซีดาน ทำสำเร็จสักภารกิจ ต้องยอมรับนับถือในฝีมือไม่แพ้ตอนนำทีมครองยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยรวดเลยทีเดียว

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

อยู่ไม่ได้ก็ต้องย้าย ! นี่คือเรื่องปกติสำหรับแข้งอาชีพทุกคน

ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดเมื่อซัมเมอร์ ด้วยความมุ่งมั่นจะต้องเป็นแกนหลัก

แต่พอเจอสถานการณ์จริงแล้ว แตกต่างอย่างสิ้นเชิง พื้นที่หลักคือม้าสำรอง พอได้ลงตัวจริงก็มักไม่ใช่เกมสำคัญ

โซลชา เองได้เข้าไปคุยและทำความเข้าใจแล้ว เวลาตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มักจะยกเอาชีวิตตอนค้าแข้งมาเสริมให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น

ไม่ใช่ ดอนนี่ คนเดียวหรอก ทีมชุดปัจจุบันของแมนฯยูไนเต็ดแกร่งขึ้นมาก ดังนั้นไม่มีทางที่จะจัดลงพร้อมๆกัน ต้องมีคนผิดหวังและเสียสละ

เพราะบางครั้งต่อให้เล่นดีมากๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเหมาะสำหรับเป็นตัวจริง

สิ่งที่อธิบายได้เกี่ยวกับเคสอย่างนี้คือ นักเตะทุกคนมีความสำคัญไม่ต่างกัน เพียงแต่แตกต่างในรายละเอียดตามสถานการณ์

ปัญหาคือผู้เล่นที่ต้องตกเป็นตัวสำรองประจำ คงไม่อินกับบทบาทอย่างนี้หรอก

สิ่งที่ต้องทำคือพยายามโชว์ผลงานให้ดีที่สุด เพื่อสร้างโอกาสในการเป็นตัวจริงมากยิ่งขึ้น

แต่หากคิดว่าไม่ไหวแล้ว อยู่นี่คงไม่รุ่งจริงๆ ทางออกเดียวก็คือการย้ายสังกัดซึ่งเป็นไปตามวิถีเพราะแม้กระทั่ง โซลชา เองก็เคยคิดอย่างนี้เหมือนกัน

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

มาร์คัส แรชฟอร์ด ! อย่าปล่อยให้ถูกตราหน้าว่าเป็น “ดาวรุ่งตลอดกาล” เลย

ชื่อเสียง ลาภยศ เงินทองต่างๆ มันเย้ายวนใจเช่นเดียวกัน แรชฟอร์ด โตมากับความรักความอบอุ่นของแม่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้สะดวกสบาย แม่ต้องทำงานสองกะเพื่อหาเงินมาจุนเจือเลี้ยงดู โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร

อีกทั้งไม่นานมานี้เขาเขียนจดหมายถึง บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีหลังจากที่เลิกช่วยเหลืออาหารกลางวันกับเด็กๆในช่วงโควิด-19 ระบาด เพื่อประหยัดงบประมาณ

สุดท้ายโครงการอาหารกลางวันกลับมาคืนมาอีกครั้ง แรชฟอร์ด จึงได้รับการยกย่องในคุณงามความดี ฐานะเป็นกระบอกเสียงคนสำคัญ

เขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้น MBE จากบทบาททำประโยชน์ให้กับสังคมเหมือนซูเปอร์สตาร์รุ่นพี่อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด

แม้กระทั่งเดอะ ค็อป กองเชียร์ลิเวอร์พูลยังสดุดีวีรกรรมของ แรชฟอร์ด ในคราวนี้ด้วย มันเป็นเรื่องราวอันงดงามที่เกิดขึ้นในสังคม

หากจะให้ดียิ่งกว่าคือเรื่องราวนอกสนามควรจะสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับในสนาม

อย่างไรก็ดี แรชฟอร์ด เริ่มเจอเสียงวิจารณ์ว่าสมาธิอยู่กับเรื่องรณรงค์ช่วยเหลือเด็กๆมากเกินหน้าที่ เขาควรโฟกัสเรื่องฟุตบอล ซึ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด

สิ่งที่ทำนั้นมันดีมากๆอยู่แล้ว ทุกคนยอมรับในความกล้าหาญและเสียสละ ชื่นชมคนที่ผ่านประสบการณ์ยากลำบากมาก่อน แล้วเมื่อโอกาสมาถึงก็พร้อมยื่นมือมาช่วยเหลือ

ไม่ใช่แค่เป็นกระบอกเสียง แรชชี่ ยังบริจาคเงินอีกนับแสนปอนด์เข้ากองทุนอาหารกลางวันเด็กๆ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือพวกโฮมเลสหรือคนไร้บ้านอีกต่างหาก

เรียกว่าคืนให้สังคมอย่างเต็มที่และรู้รากเหง้าเข้าใจดีว่าตัวเองมาจากอะไร

ด้วยวัย 23 ย่าง 24 ถึงเวลาต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แม้ตัวเลขอายุจะไม่ได้มากอะไร แต่จากประสบการณ์ที่สะสมมาไม่น้อย บวกกับความคาดหวังที่แฟนบอลมีให้ในฐานะนักเตะจากอะคาเดมี่และเป็นเด็กท้องถิ่น

แต่อย่างที่เราเห็นกัน ผลงานนอกสนาม แรชชี่ ได้รับคำชื่นชมล้นหลาม แต่พอกลับมาในสนามยังต้องมีปรับปรุง รวมทั้งพิสูจน์ต่อไปอีกว่าคือของแท้ ไม่ใช่แค่ทำเหมือน

สไตล์การเล่นที่ต้องเปลี่ยนแปลง ทัศนคติบางอย่างที่ต้องจูน นั่นจะเป็นแรงผลักดันสำคัญนำไปสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบได้

ไม่มีใครเถียงเรื่องความสามารถของเขา ปมมันอยู่ที่จะทำอย่างไรให้มันเกิดประสิทธิภาพมากสุดต่างหาก

เวลายังเหลือพอสำหรับการเปลี่ยนตัวเองในบางเรื่อง โลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบก็จริง แต่ด้วยคุณสมบัติหลายอย่างที่มีอยู่ในตัว สามารถนำเขาไปใกล้จุดนั้นได้เลย

ที่สำคัญแฟนแมนฯยูไนเต็ดทุกคนพร้อมเอาใจช่วย อยากเห็น แรชชี่ ประสบความสำเร็จเต็มรูปแบบ

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

หลุยส์ ซัวเรส ! มันเหมือนหยิบยื่นหอกร้ายให้มาทิ่มแทงตัวเอง

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือตราหมีปลาบปลื้มมากๆที่ภารกิจลุล่วง ซัวเรซ อาจจะอายุย่าง 34 ในเวลานั้นก็จริง แต่มีความเป็นมืออาชีพสูง ประวัติบาดเจ็บหนักๆก็มีน้อยมาก ยกเว้นต้นปีที่แล้วหัวเข่ามีปัญหาต้องพัก 5 เดือน

อีกอย่างนักเตะก็ยอมหั่นค่าเหนื่อยจากที่เคยได้รับจากบาร์ซ่าลงเกือบครึ่ง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นย้ายมา ไม่ได้แคร์เรื่องเงินมาเป็นอันดับแรก

แพสชั่นอย่างนี้แหล่ะน่าสนใจ รวมถึงคาแรคเตอร์ของ ซัวเรซ ก็เหมาะที่จะอยู่ภายใต้การดูแลของ ซิเมโอเน่ เช่นเดียวกัน

ซัวเรซ อาจจะเป็นกองหน้าเทคนิคดีมากๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เหลี่ยมเลห์รอบจัดแพรวพราวหาตัวจับยาก หากคุณเป็นกองหลังไร้ประสบการณ์รับรองเลยว่าจะต้องหลั่งน้ำตาแน่ถ้าต้องเผชิญหน้าด้วย

ว่ากันตามหลักแล้วนี่คือกองหน้าที่ครบเครื่องมากๆคนหนึ่งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา เล่นให้สโมสรไหนก็ประสบความสำเร็จงดงาม จำนวนประตูที่ระเบิดได้คือสิ่งที่การันตี

6 ฤดูกาลในสีเสื้อของบาร์เซโลน่าจัดไปทั้งสิ้น 198 ประตู สูงเป็นอันดับ 3 บนหน้าประวัติศาสตร์สโมสร เป็นรองเพียงแค่ ลิโอเนล เมสซี่ และ เซซาร์ โรดริเกซ แข้งดังในยุคทศวรรษ 40-50

ฟอร์มอันร้อนแรงของ ซัวเรซ คือส่วนหนึ่งทำให้แอตเลติโก้ตัดสินใจฉีกสัญญา ดีเอโก้ คอสต้า เพราะมองว่าไม่จำเป็น อีกทั้งยังสร้างปัญหาอยู่เสมอ แม้จะมี ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ควบคุมก็ตาม

ไม่เกินเลยนักหรอกหากจะบอกว่ากุนซืออาร์เจนไตน์น่าจะมีส่วนช่วยเค้นฟอร์มของ ซัวเรซ ให้พีกเหมือนสมัยหนุ่มๆ ว่ากันว่ากองหน้าและกุนซือคู่นี้มีเคมีที่ตรงกันด้วย

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

แชมป์พรีเมียร์ลีก ? ! มันอาจเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า เรือใบ จะแล่นเข้าฝั่งโดยไม่มีอะไรมากั้น

การได้ รูเบน ดิอาส มาอุดรอยรั่วในแนวรับเมื่อซัมเมอร์ รวมถึง จอห์น สโตนส์ กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งอย่างน่าเหลือเชื่อคือปัจจัยสำคัญ

เกมรับอันเหนียวแน่นยากต่อการเจาะเข้าไป ช่วยให้ไม่ต้องมากังวลหลังบ้านเหมือนอย่างที่เคย

ในขณะเดียวกันการปรับตัวอย่างรวดเร็วของ ชูเอา กานเซโล่ และฟอร์มอันร้อนแรงของ อิลคาย กุนโดกัน ที่เหมือนร่างทรง ยาย่า ตูเร่ ก็มีส่วนสนับสนุนทั้งสิ้น

ที่ลืมไม่ได้คือ ฟิล โฟเด้น น้องนุชคนสุดท้องของทีม ที่มีพัฒนาการพุ่งพรวดพราดจนก้าวขึ้นมาเป็นกระดูกสันหลังเรียบร้อย

เอาเข้าจริงทีมชุดปัจจุบันแทบไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงผู้เล่นเลยนอกเหนือจาก ดิอาส ส่วน เฟร์ราน ตอร์เรส กับ เนธาน อาเก้ เป็นแค่อะไหล่ในช่วงนี้

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือผลงานของนักเตะหลายคนและรูปแบบการเล่นใหม่ที่ทรงพลังและสมดุลมากๆ

เราต้องไม่ลืมด้วยว่าซิตี้ขบวนนี้ยังปราศจากกองหน้าตัวเป้าประเภทโป้งปิดบัญชี เพราะ กุน โรยลงไปเรื่อยๆ ผ่านจุดพีกมาเรียบร้อย

ในขณะที่ กาเบรียล เชซุส แม้ล่าสุดจะทำประตูได้ต่อเนื่องและได้รับการปกป้องจาก เป๊ป แต่พอจะพูดได้เลยว่าคงไม่พัฒนาไปกว่านี้อีก หลังใช้เวลามาจะครบ 4 ซีซั่นแล้ว

จิ๊กซอว์ชิ้นต่อไปที่ต้องตามหาคือตำแหน่งดาวถล่มประตูหรือหน้าเป้าเจ๋งๆนี่แหล่ะ

เวลานี้ซิตี้พัวพันกับหลายแข้ง ไล่มาตั้งแต่ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งตามล่ามาพักใหญ่และ เป๊ป รู้จักวิธีการดึงศักยภาพให้ออกมาได้มากกว่าใคร

นอกจากนี้ชื่อของ โรเมลู ลูกากู ยังโผล่ขึ้นมาอย่างเซอร์ไพรส์ ดูสไตล์แล้วไม่น่าจะใช่สเป็ค แต่หากได้มามิติความหลากหลายต่างๆในการเข้าทำจะขยายวงกว้างอีก

แต่หลายคนกลัวว่าหากไปปิดดีล เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ สำเร็จ ความน่าครั่นคร้ามจะทวีตามลำดับ ไม่มีใครอยากเผชิญหน้ากับซิตี้แน่นอน

อย่างไรก็เถอะไม่ว่าจะได้ใครมาก็ตาม สิ่งที่เราต้องจับตาดูและอาจถึงขั้นเปิดใจยอมรับคือแมนฯซิตี้จะขยับหนีทีมร่วมลีกไปอีกก้าว

ลิเวอร์พูลกำลังอยู่ในช่วงถดถอย ในขณะที่แมนฯยูไนเต็ด , เชลซีหรือสเปอร์สไร้มาตรฐาน ส่วนอาร์เซน่อลห่างไปอีกสองช่วงตัวด้วยกัน

หากอีก 5 ทีมที่ว่ามานี้ไม่เร่งตัวเองขึ้นมาเพื่อบีบช่องว่างให้เหลือน้อยลง ก็ยากที่จะโค่นล้มซิตี้ได้สำเร็จ

เพราะซีซั่นก่อนลิเวอร์พูลพีกขีดสุด ไม่มีปัญหาแข้งหลักบาดเจ็บรบกวน ไหนหลายคนจะท็อปฟอร์มพร้อมกัน ตรงกันข้ามกับซิตี้ลิบลับ

มันอาจเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าซิตี้จะกอบโกยเกียรติยศความสำเร็จในฤดูกาลนี้ ระยะทางยังเหลืออีกพอสมควร

แต่พินิจพิเคราะห์ทุกเหลี่ยมมุมแล้ว คงไม่ต้องรอคำพิพากษานานขนาดนั้นเลย

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

ปังปินาศ ! การวางแผนพลาดของบอร์ดบริหาร อาจเป็นต้นตอสำคัญทำ ดอร์ทมุนด์ ต้องเจอวิกฤต

เชื่อกันว่าหากย้อนเวลาได้ พวกเขาคงตัดสินใจขาย เจดอน ซานโช่ ให้แมนฯยูไนเต็ดในซัมเมอร์ที่ผ่านมาไปแล้ว

จากที่โก่งแรงถึง 120 ล้านยูโร ประกาศหัวชนฝาไม่ลดเด็ดขาด หากไม่ยอมจ่ายตามที่ต้องการ ก็คงต้องนึกเสียดายกันบ้างกับความโลภเกินลิตมิต

แมนฯยูไนเต็ดยืนยันว่าให้สูงสุดได้แค่ 105 ล้านยูโร หลังมีการต่อรองกันหลายครั้งแล้ว คงทุ่มมากกว่านี้ไม่ไหวหรอก ต้องเข้าใจสภาพเศรษฐกิจที่โควิดระบาดหนักอยู่บ้าง

แต่เมื่อไม่มีใครยอมถอย ดีลก็ค้างอยู่อย่างนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย

มาวันนี้มีข่าวว่าดอร์ทมุนด์จำยอมต้องหั่นค่าตัว ซานโช่ ลงจาก 120 ล้านเหลือเพียงแค่ 100 ล้าน แต่ว่ากันตามตรงยังไงก็สูงอยู่ดี

เมื่อถึงซัมเมอร์นี้สัญญาของดาวเตะทีมชาติอังกฤษจะเหลืออีกแค่ 2 ปีเท่านั้น สิ้นสุดในฤดูร้อน 2023 การจะขายราคาดังกล่าวในสถานการณ์ที่ทุกสโมสรต่างอ่วมจากหนี้สินไปตามๆกัน แทบเป็นไปไม่ได้

นั่นยังไม่ต้องคำนึงถึงผลงานที่ดร็อปลงอย่างน่าใจหายของ ซานโช่ แทบจะไม่เหลือร่องรอยจากฤดูกาลก่อนอยู่เลย

ถามว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังอยากได้หรือเปล่า คำตอบคือเยส แต่หากต้องจ่ายแพงระยับเกินจริงคงต้องถอยหลับมา

ถ้า ซานโช่ พีกเหมือนเคยยังน่าสนใจ แต่นี่ไม่ใช่แล้วและดอร์ทมุนด์ไม่ได้กุมความได้เปรียบไว้อย่างที่เคย

ไม่ใช่ ซานโช่ คนเดียวเท่านั้น ทว่าทาง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ก็พร้อมจะโบยบินออกจากอ้อมอกเช่นเดียวกัน เพราะอยู่ไปก็ไม่น่าจะมีอะไรดีขึ้น ปัญหาของดอร์ทมุนด์สุมรุมมากมาย แถมอาจไม่ได้เข้าร่วมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกซีซั่นหน้าอีก

นักเตะชั้นนำทุกคนต่างต้องการเล่นถ้วยใหญ่ยุโรปทั้งสิ้น ฮาแลนด์ เองก็อยากจะพิสูจน์และพัฒนาฝีเท้าเช่นกัน

นอกจากสองคนดังกล่าวซึ่งเปรียบเสมือนกล่องดวงใจแล้ว ชื่อของ จู๊ด เบลลิงแฮม , โจวานนี่ เรย์น่า , อักเซล วิตเซล หรือ ราฟาเอล เกร์เรยโร่ ล้วนอยู่ในข่ายโดนผ่องถ่ายเพื่อพยุงการเงินทั้งหมด

หากสถานการณ์บีบให้ต้องขายแข้งหลักออกสัก 4-5 คนจริงๆ มันย่อมส่งตรงไปถึงความเชื่อมั่นของแฟนบอลและผลงานในสนามด้วย ไม่ง่ายเลยที่จะเร่งตัวเองฟื้นกลับมาเหมือนอย่างเคย

หากพลาดโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกซีซั่นหน้า รับรองว่าดูไม่จืดเลย

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ! นักเตะที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดได้ยาวนาน กว่า 15 ปี

ชีวิตที่ยากลำบากปากกัดตีนถีบตั้งแต่จำความได้ น่าจะช่วยหล่อหลอมให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เติบโตขึ้นมาอย่างรู้จักคุณค่าทุกหยาดเหงื่อที่ทุ่มเทลงไป

ตอนที่แม่รู้ว่าตั้งท้องเขาครั้งแรก เคยมีความคิดว่าจะไปทำแท้งซะ เพราะหากปล่อยไว้ให้คลอดออกมาลืมตาดูโลก ความเป็นอยู่ของครอบครัวคงสาหัสกว่าที่เคย

แต่การเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย มันคือการตัดสินใจที่เปลี่ยนโลกฟุตบอลในยุคปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย

รวมทั้งเปลี่ยนสถานะจากผู้หญิงชาวโปรตุกีสธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำ กลายเป็นมารดาของแข้งลูกหนังที่เก่งกาจ มีชื่อเสียงและร่ำรวยมากสุดคนหนึ่งของโลก

ในขณะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอสคนที่สองซึ่งเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณ บอกอย่างไม่ต้องเกรงใจใครว่า โรนัลโด้ คือนักเตะที่เปี่ยมด้วยความสามารถและพรสวรรค์มากสุดที่เคยร่วมงานด้วย

เฟอร์กี้ เสียดายตรงที่อยู่กับแมนฯยูไนเต็ดน้อยเกินไป เพียงแค่ 6 ปีเท่านั้นเอง หากอยู่โยงยาวๆไม่ต้องย้ายไปไหน จะก้าวสู่การเป็นตำนานยิ่งใหญ่สุดในประวัติสโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้กระทั่ง  ซึ่งเคยเป็นเจ้านายที่เรอัล มาดริดและเคยขัดแย้งกันมาก่อน ก็ยอมรับง่ายๆว่าไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนเก่งกาจมีความเป็นมืออาชีพแบบนี้ ต่อให้เกลียดขนาดไหนก็ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน

โรนัลโด้ จะอยู่ตรงจุดสูงสุดนี้ไปอีกกี่ปี ไม่มีใครให้คำตอบได้เลยว่าเมื่อไรจะถึงขาลงหรือว่าเขาอาจจะไม่ใช่คน แต่อาจจะมาจากนอกโลกก็เป็นไปได้

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่