ของจริง! ชายที่ชื่อว่า บิเอลซ่าผู้พายูงทอง ลีดส์ กลับมาบินในพรีเมียร์ลีค อีกครั้ง

ภายหลังจาก ที่ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ดโชว์ฟอร์มสุดเร้าใจเอาชนะ เซาท์แฮมตันไป 3-0 เป็นการตอกย้ำ ให้เห็นถึงความ สุดยอดในการทำทีม ของ บิเอลซ่า ทีมของ เขานั้น ถูกเรียกสไตล์ การเล่นว่า

Murderballหรือ ให้แปลเป็นภาษาไทยว่า “เล่นให้ตายกันไปข้าง” ทัศนคติ ของทีมพวกเขานั้น เห็นได้จากการเล่นอย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าจะเจอทีมไหนหรือ เมื่อไร พวกเค้า พร้อมที่จะบุกแลก ทั้งนั้น

โดย บิเอลซ่า นั้นถูกเรียกว่า พวกบ้าฟุตบอล เข้าเส้น เขาใช้เวลาวันหยุด วิเคราะห์ คู่แข่งถึง 14 ชั่วโมง และแจกแจก แผนการแก้เกมให้กับ ลูกทีมของเขา ถึง 100 กว่ารูปแบบ บิเอลซ่า นั้นบอกเสมอ ว่าตัว

ของเขาเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ นักเตะระดับโลก แต่เขาต้องการนักเตะที่สามารถเล่น ตามแทคติค ของเขาได้ และมีความฟิตมากพอ ที่จะวิ่งได้ทั้งเกม

จากคำบอกเล่าของ “ลี คูเปอร์” นักเตะของลีดส์ ยูไนเต็ด เคยเล่าไว้ว่า

“ถ้าถามว่า การซ้อมของ บิเอลซ่า โหดขนาดไหน ผมคงต้องบอกว่า เป็นการฝึกที่ เหนื่อยที่สุดในชีวิตของผมแล้ว”

และด้วยการฝึกซ้อม และ แผนการทำทีมของ บิเอลซ่า นี้เอง ที่ทำให้

ลีดส์ สามารถ เลื่อนชั่นขึ้นสู่ พรีเมียร์ลีคได้ แบบไร้ข้อกังขา และเมื่อขึ้นมา

ยังลีคสูงสุดในแดนผู้ดี พวกเขาก็ยังคงเล่นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะ เจอกับบรรดา ทีมยักษ์ใหญ่ เช่น แมนยู เชลซี อาร์เซนอล ลิเวอร์พูล หรือแม้แต่ แมนซิตี้ พวกเขาก็ยังคงเดินหน้า ไล่บี้ และ

บุกใส่อย่างไม่เกรงกลัว และนั่นเองทำให้ทีมลีดส์ ยูไนเต็ด เป็น1ในทีมที่เล่นได้ “สนุก”ที่สุดทีมนึงในลีค ปัจจุบัน นี้ มีผู้ที่หลงไหลในฟุตบอลคอยติดตามและ เอาใจช่วย ทีมยูงทอง ลีดส์ ยูไนเต็ด อยู่รอดปลอดภัย และโชว์ ฟอร์มในสังเวียนลูกหนัง แดนผู้ดี อยู่อย่างมากมาย

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff ได้ที่นี่

ในวันที่ “ผีเข้า” ใครก็หยุดไม่อยู่

Manchester united โชว์ฟอร์ม สุดหรูถล่มโซเซียดาด 4-0 ในเกม ยูโรป้าลีค เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในตัวเต็ง ทีมที่จะคว้าแชมป์รายการนี้

ถ้าพูดถึง ผลงานการเล่นในฤดูการนี้ ของ พวกพลพรรคปีศาจแดง แล้วถือว่า ดีขึ้นกว่าฤดูการก่อนๆ อย่างชัดเจน

พวกเขามีแนวทาง การเล่นที่ดูเป็นตัวของตัวเอง มากขึ้น และสามารถทำประตูได้จาก โอเพ่น เพลย์ อยู่หลายครั้งต่าง กับฤดูกาลที่ผ่าน ที่ดูเหมือนจะฟลุ๊คไปซะหมด

ต้องบอกว่า การเข้ามาของ บรูโน่ เฟอร์นันเดซ ได้สร้าง อิมแพค จนเปลี่ยน แมนยูจากหน้ามือ เป็นหลังมือไปเลยทีเดียว

โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ตามหา จิ๊กซอ ที่จะเติมเต็มแมนยู มาอย่างยาวนาน ในตำแหน่ง เบอร์ 10 ของทีม และหวยก็มาลง ที่ เขา การมาของเขา เพิ่มมิติ ในการเล่นเกมรุก ของแมนยู อย่างมาก

เขามีทั้งบอล สั้น และยาว ที่อันตราย แถมยังเอาตัวรอดเก่ง และ ในจังหวะที่ทีม ตันๆ เขายังสามารถสอดขึ้นไป ทำประตูได้อีกด้วย

มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ผู้เล่นอย่าง กรีน วูด ก็เล่นดูดี มีอนาคตอย่างมาก กระทั่ง แดเนียล เจมส์ ที่ไม่ค่อยได้ลง พอได้รับโอกาส ก็ยังสามารถทำผลงานได้

ถ้ามองไปที่ ขุมกำลังของ แมนยู ณ เวลานี้แล้ว ต้องบอกว่า ไปเทียบกับทีม ใหญ่ทีมอื่นชื่อชั้น คงเป็นรอง อย่างมาก แต่ด้วยอายุ การใช้งาน ของนักเตะในทีม และ ฟอร์มการเล่นของ บรรดาดาวรุ่งต่างๆ

ของพวกเขาแล้ว ก็ถือว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ น่าติดตาม อนาคตเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะไปในทิศทางไหน

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

ช่วงเวลาฮันนีมูนของ ทูเคิ่ล ! อาจไม่ได้ยาวนานอย่างที่คาดหวังกันไว้ก็ได้

ไล่ดู 5 เกมที่เชลซีเดินหน้าคว้าชัยชนะได้ล่าสุด ต้องยอมรับว่ามีหนักนัดเดียวแค่การบุกไปเฆี่ยนท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-0

ที่เหลือล้วนเจอคู่แข่งที่ห่างชั้นกว่า ไม่ว่าชนะเบิร์นลี่ย์ , เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดหรือนิวคาสเซิ่ล รวมถึงเกมเอฟเอคัพกับบาร์นสลี่ย์ด้วย

อีกทั้งเกมประเดิมเสมอวูล์ฟส์ก็น่าจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่า ทั้งเรื่องศักยภาพผู้เล่นและได้เปรียบเล่นในบ้าน

ขณะเดียวกันสเปอร์สก็อยู่ในช่วงขาลง เกมดังกล่าวไม่มี แฮร์รี่ เคน กองหน้าตัวหลักที่บาดเจ็บอีกด้วย

พูดให้ง่ายเข้าไว้ก็คงประมาณว่า ทูเคิ่ล ยังไม่เจอกับแบบทดสอบของจริง ที่ผ่านมาเหมือนออร์เดิร์ฟเรียกน้ำย่อยมากกว่า

สิ่งที่ต้องตามดูกันก็คือเขาจะทำให้ทีมสปิริตและบรรยากาศในห้องแต่งตัวดีกว่าที่เคยหรือไม่ ตอนนี้หลายอย่างอาจดูดีไม่มีอะไรน่าวิตก แต่แรงกระเพื่อมต่างๆจะตามมาอย่างแน่นอน

นักเตะหลายคนที่ต้องตกเป็นสำรอง ย่อมไม่พอใจกับสถานะของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เบน ชิเวลล์ , ฮาคิม ซีเย็ค , รีซ เจมส์ หรือ เคิร์ต ซูม่า แล้วคงมีปฏิกิริยาตอบโต้บางอย่าง

อีกทั้งปูมหลังของ ทูเคิ่ล สมัยกุมบังเหียนปารีส แซงต์ แชร์กแมงก็เจอวิจารณ์ว่าคุมพวกแข้งซูเปอร์สตาร์ให้อยู่ในแถวไม่ได้ สุดท้ายบอร์ดก็ต้องไปดึง เลโอนาร์โด้ มาช่วยจัดการ

ว่ากันว่าจากนี้ ทูเคิ่ล จะเจอแบบทดสอบของจริง เชลซีจะไปเยือนเซาธ์แฮมป์ตันเกมลีก ตามด้วยบุกแอตเลติโก้ มาดริดศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากนั้นกลับมาเล่นในรัง 2 เกมลีกรับแมนฯยูไนเต็ดและเอฟเวอร์ตัน ถัดมาบุกถิ่นลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อนจะกลับมาโม่ตราหมีในเลกสอง

บางทีช่วงเวลาฮันนีมูนของ ทูเคิ่ล อาจไม่ได้ยาวนานอย่างที่คาดหวังกันไว้ก็ได้

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

ที่ 1 ของข้า ! รายชื่อ อันดับ ค่าเหนื่อยสูงที่สุด พรีเมียร์ลีค ปี 2021

ผีนำโด่งนับตั้งแต่พรีเมียร์ลีค ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 ได้เปลี่ยนแปลง วงการฟุตบอล อังกฤษ ไปอย่างสิ้นเชิง ในแง่ ของ ธุรกิจ จำนวนเม็ดเงิน ที่แต่ละทีมได้ลงทุน กับการสร้าง ทีมได้สูงขึ้นในทุกๆ ปี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าเหนื่อยของ นักฟุตบอล ในปี 1991 ค่าจ้างเฉลี่ย ของนักฟุตบอลในดิวิชั่น1 อยู่ที่ราวๆ แค่1600 ปอนด์ ต่อเดือน เท่านั้นเอง 3ปีต่อมา ตัวเลขดังกล่าวทะยาน

พุ่งขึ้นมาอยู่ ที่ราวๆ 60000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ เลยทีเดียว

ต่อไปนี้ เป็น รายชื่อ ของนักฟุตบอล ที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุด ในพรีเมียร์ลีค ปี 2021

5. Pual Pogba 290000 ปอนด์/สัปดาห์
มิดฟิลด์ ทรงผมขัดใจแม่ยก ย้ายกลับมาร่วมทัพปีศาจแดง ในปี 2559 จากยูเวนตุส เมื่อ 4 ปีก่อน ด้วยค่าตัวสูงถึง 89ล้านปอนด์ เลยทีเดียว
โดยปัจจุบัน อนาคตของเขายังคง เป็นคำถาม สำหรับเหล่าสาวก ปีศาจแดง อยู่ ถ้าเขาไม่ต่อสัญยา แมนเชสเตอร์ยูในเต็ด อาจจะต้องเสียเค้าไปฟรีๆ หลังสัญยาของเค้า จะหมดลงใน ซัมเมอร์ ปี 2022 ก็เป็นได้

4. Raheem Sterling 300000 ปอนด์/สัปดาห์
ปีกทีมชาติอังกฤษย้ายจากลิเวอร์พูล ซบ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ด้วยค่าตัวประมาณ 44ล้านปอนด์ และเขาไม่ทำให้แฟนๆต้องผิดหวัง
ปัจจุบัน เขาเป็นแกนหลักให้กับ ทีมของ เป๊ป กวาดิโอล่า นำโด่ง เป็นที่ 1 ในตาราง สัญยาปัจจุบัน ทำให้เขากลายเป็น ผู้เล่นอังกฤษ ที่ได้ค่าเหนื่อยสูงที่สุด ในยุคนี้

3. Kevin De Bruyne 320833 ปอนด์/สัปดาห์
อดีตมิดฟิลด์ ทีมสิงห์บลู เชลซี ย้ายซบ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ด้วยค่าตัวราวๆ 55 ล้านปอนด์ และกลายเป็น ศูนย์กลางทีม ของเป๊ป กวาดิโอล่า กวาด แชมป์ มาอย่าง มากมาย ในปัจจุบัน เขายัง ถือ เป็น 1 ในกองกลาง ที่เก่งที่สุดในโลก อีกด้วย เชื่อว่าแฟนๆ เชลซี คงจะเสียดายไม่มากก็น้อย

1. (ร่วม) David de Gea 375000 ปอนด์/สัปดาห์
ผู้รักษาประตูชาวสเปน ของทีมปีศาจแดง ย้ายมาจาก แอธเลติโก้ มาดริด โดย เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน หวังจะให้เขามาเป็น ตัวแทนของ
เอ็ด วิน ฟานเดอซาร์ ที่กำลังจะวางมือในเวลานั้น ปัจจุบัน ฟอร์มการเล่นของเขา ยังคงเป็นคำถาม เรื่องขาด ความมั่นใจในการเล่น แต่ถึงอย่างนั้น ทีมปีศาจ แดงก็ยังคงแสดงความเชื่อมั่นในตัวเขา ทำให้ปัจจุบัน เขาเป็น 1ในผู้รักษาประตูที่ ได้ค่าเหนื่อยสูงที่สุดในโลก

1. (ร่วม) Pierre-Emerick Aubameyang 375,000 ปอนด์/สัปดาห์
ศูนย์หน้า ทีมชาติ กาบองได้รับค่าเหนื่อย สูงที่สุดระดับเดียวกับ ดาวิด เด เกอา ที่ผ่านมาอาจจะปืนฝืดไปบ้าง แต่ในปัจจุบัน เขาได้เรียกความมั่นใจ กลับมาระเบิดฟอร์มทำประตู ถล่มทลายได้อีกครั้ง รับเหมา แฮททริค ในนัด ถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ดขาดลอย 4-2

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

ในช่วงเวลาที่ไม่เป็นใจ ! อย่าให้ตัวแพ้ใจ แล้วเดินไปข้างหน้าให้ได้

หลังพ่ายเลสเตอร์ ซิตี้ 1-3 ตัวเลขระบุไว้ว่า 12 เกมหลังสุดทุกรายการของลิเวอร์พูล ชนะแค่ 3 เกมและแพ้ถึง 6 ด้วยกัน

พูดกันตรงๆแบบไม่ต้องอ้อมค้อมนี่คือสัญญาณที่เลวร้ายมากๆ สำหรับเจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งโกยแต้มไปถึง 99 เรียกว่าผ่านครึ่งทางก็แทบจะสลักชื่อไว้บนฐานโทรฟี่ได้เลย

แต่มาซีซั่นนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแบบปุบปับ อย่าว่าแต่เดอะ ค็อปทั้งหลายไม่ทันตั้งตัวและทำใจ แต่บรรดานักเตะหรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เองก็ไม่แตกต่างกัน

เข้าใจว่าปัญหามาจากอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในแนวรับ เมื่อต้องขาดหายไปทั้ง เฟอร์กิล ฟานไดค์ และ โจ โกเมซ สองกระดูกสันหลัง อีกทั้งไม่ได้ซื้อใครมาแทน เดยัน ลอฟเรน ดราม่าเลยตามมาทันที

ดังนั้นจึงได้แค่คว้าแข้งโนเนมอย่าง เบน เดวิส และ ตัดสินใจยืม โอซาน คาบัค มาจากชาลเก้ 04 พร้อมอ็อปชั่นซื้อขาด

เดวิส ถือเป็นดีลเซอร์ไพรส์ได้มาจากเปรสตัน นอร์ธเอนด์ทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ แทบไม่เคยมีใครรู้จักมักจี่หรือเห็นฟอร์มแบบชัดๆเลย

แต่การได้เซ็นเตอร์แบ็กอาชีพมาช่วย ก็ย่อมเป็นเรื่องดีกว่าใช้กองกลางมาเล่นแทนแก้ขัด

ส่วนเคสของ คาบัค น่าสนใจมาก เคยตกเป็นข่าวโยงกับลิเวอร์พูลอย่างหนักเมื่อซัมเมอร์ แต่โดนโก่งราคาโหดเกิน จนต้องถอยกลับมาตั้งหลักกันใหม่

แน่นอนว่า คาบัค ยังใหม่มากๆ การสื่อสารอาจกลายเป็นปัญหา ทว่ามันไม่ควรมาพลาดในช่วงเวลาแบบนี้

จากที่ช็อกอยู่แล้ว อาการผู้เล่นลิเวอร์พูลยิ่งหนักกว่าเดิม กระทั่งนำไปสู่การเสียประตูที่สาม ซึ่งกองหลังเติร์กมีส่วนรับผิดชอบด้วยเช่นเดียวกัน จากการเช็คไลน์ไม่ดี

ปัญหาของลิเวอร์พูลไม่ได้อยู่ที่เกมรับรั่วหนักเท่านั้น แต่ยังลามไปยังเรื่องสภาพจิตใจอีกด้วย

เหมือนอย่างที่ คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ไว้นั่นแหล่ะ ความผิดพลาดบุคคลนำไปสู่หายนะ พยายามปรับปรุงแล้ว แต่เมื่อนักเตะตอบสนองไม่ได้เองก็ต้องยอมรับ

ทุกอย่างถาโถมมาในช่วงเวลาเดียวกัน การที่ คล็อปป์ ยังยืนหยัดต่อสู้ได้ขนาดนี้ ต้องรับเลยว่าแกร่งมากพอแล้ว

แต่อาจไม่มากพอที่จะพาทีมกลับเข้าสู่เส้นทางของตัวเอง ซึ่งเดอะ ค็อปทั้งหลายต่างเข้าใจดีในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครโทษบอสแน่นอน

นี่คือเวลาที่นักเตะลิเวอร์พูลต้องลืมฝันร้ายที่ผ่านมาให้ได้ทั้งหมด ลืมเรื่องป้องกันแชมป์ นึกแค่ว่าจากนี้ทุกนัดเล่นให้เหมือนนัดชิงบอลถ้วย

คล็อปป์ เคยนำนาวาฝ่าพายุห่าใหญ่มาได้แล้ว หากจะต้องกอดคอต่อสู่ด้วยกันอีกครั้ง มันคงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรอก

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

แชมป์พรีเมียร์ลีก ? ! มันอาจเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า เรือใบ จะแล่นเข้าฝั่งโดยไม่มีอะไรมากั้น

การได้ รูเบน ดิอาส มาอุดรอยรั่วในแนวรับเมื่อซัมเมอร์ รวมถึง จอห์น สโตนส์ กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งอย่างน่าเหลือเชื่อคือปัจจัยสำคัญ

เกมรับอันเหนียวแน่นยากต่อการเจาะเข้าไป ช่วยให้ไม่ต้องมากังวลหลังบ้านเหมือนอย่างที่เคย

ในขณะเดียวกันการปรับตัวอย่างรวดเร็วของ ชูเอา กานเซโล่ และฟอร์มอันร้อนแรงของ อิลคาย กุนโดกัน ที่เหมือนร่างทรง ยาย่า ตูเร่ ก็มีส่วนสนับสนุนทั้งสิ้น

ที่ลืมไม่ได้คือ ฟิล โฟเด้น น้องนุชคนสุดท้องของทีม ที่มีพัฒนาการพุ่งพรวดพราดจนก้าวขึ้นมาเป็นกระดูกสันหลังเรียบร้อย

เอาเข้าจริงทีมชุดปัจจุบันแทบไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงผู้เล่นเลยนอกเหนือจาก ดิอาส ส่วน เฟร์ราน ตอร์เรส กับ เนธาน อาเก้ เป็นแค่อะไหล่ในช่วงนี้

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือผลงานของนักเตะหลายคนและรูปแบบการเล่นใหม่ที่ทรงพลังและสมดุลมากๆ

เราต้องไม่ลืมด้วยว่าซิตี้ขบวนนี้ยังปราศจากกองหน้าตัวเป้าประเภทโป้งปิดบัญชี เพราะ กุน โรยลงไปเรื่อยๆ ผ่านจุดพีกมาเรียบร้อย

ในขณะที่ กาเบรียล เชซุส แม้ล่าสุดจะทำประตูได้ต่อเนื่องและได้รับการปกป้องจาก เป๊ป แต่พอจะพูดได้เลยว่าคงไม่พัฒนาไปกว่านี้อีก หลังใช้เวลามาจะครบ 4 ซีซั่นแล้ว

จิ๊กซอว์ชิ้นต่อไปที่ต้องตามหาคือตำแหน่งดาวถล่มประตูหรือหน้าเป้าเจ๋งๆนี่แหล่ะ

เวลานี้ซิตี้พัวพันกับหลายแข้ง ไล่มาตั้งแต่ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งตามล่ามาพักใหญ่และ เป๊ป รู้จักวิธีการดึงศักยภาพให้ออกมาได้มากกว่าใคร

นอกจากนี้ชื่อของ โรเมลู ลูกากู ยังโผล่ขึ้นมาอย่างเซอร์ไพรส์ ดูสไตล์แล้วไม่น่าจะใช่สเป็ค แต่หากได้มามิติความหลากหลายต่างๆในการเข้าทำจะขยายวงกว้างอีก

แต่หลายคนกลัวว่าหากไปปิดดีล เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ สำเร็จ ความน่าครั่นคร้ามจะทวีตามลำดับ ไม่มีใครอยากเผชิญหน้ากับซิตี้แน่นอน

อย่างไรก็เถอะไม่ว่าจะได้ใครมาก็ตาม สิ่งที่เราต้องจับตาดูและอาจถึงขั้นเปิดใจยอมรับคือแมนฯซิตี้จะขยับหนีทีมร่วมลีกไปอีกก้าว

ลิเวอร์พูลกำลังอยู่ในช่วงถดถอย ในขณะที่แมนฯยูไนเต็ด , เชลซีหรือสเปอร์สไร้มาตรฐาน ส่วนอาร์เซน่อลห่างไปอีกสองช่วงตัวด้วยกัน

หากอีก 5 ทีมที่ว่ามานี้ไม่เร่งตัวเองขึ้นมาเพื่อบีบช่องว่างให้เหลือน้อยลง ก็ยากที่จะโค่นล้มซิตี้ได้สำเร็จ

เพราะซีซั่นก่อนลิเวอร์พูลพีกขีดสุด ไม่มีปัญหาแข้งหลักบาดเจ็บรบกวน ไหนหลายคนจะท็อปฟอร์มพร้อมกัน ตรงกันข้ามกับซิตี้ลิบลับ

มันอาจเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าซิตี้จะกอบโกยเกียรติยศความสำเร็จในฤดูกาลนี้ ระยะทางยังเหลืออีกพอสมควร

แต่พินิจพิเคราะห์ทุกเหลี่ยมมุมแล้ว คงไม่ต้องรอคำพิพากษานานขนาดนั้นเลย

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

เดอะแบกแห่งปี 2021 ! เราควรเลิกสงสัยหรือตั้งคำถามได้แล้วว่า บรูโน่ เจ๋งจริงหรือเปล่า

2 กุมภาพันธ์ปีก่อน บรูโน่ ประเดิมอย่างเป็นทางการในสีเสื้อของแมนฯยูไนเต็ดเป็นเกมลีกที่ดวลวูล์ฟแฮมป์ตัน

ช่วงแรกเขายืนตัวรุกคอยปั้นเกม ก่อนจะเปลี่ยนมาปักหลักเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางหรือเบอร์ 6

ภาพรวมของเขาทำได้ดีมากๆ สามารถรับมือกับเกมที่หนักและเร็ว แต่ยังมีแฟนบอลบางส่วนมองไม่เห็น มีการตั้งคำถามว่าค่าตัวตั้งแพงเล่นได้ดาดๆแค่นี้เองหรือ

แต่หากใครได้รู้ความจริง บรูโน่ มาถึงแล้วแทบไม่มีเวลาปรับตัวอะไรทั้งสิ้น ลงซ้อมได้แค่วันเดียวก็ออกสตาร์ตในวันรุ่งขึ้น

เขายืนยันกับบอสเองว่าพร้อมเต็มที่ไม่มีปัญหา ทั้งสภาพร่างกายและความกระหายลงเล่น

ว่ากันว่า โซลชา พอใจทัศนคติเช่นนี้ของลูกทีมคนใหม่ๆมาก จากนั้นก็ส่งลงเล่นอย่างสม่ำเสมอและได้รับผลตอบแทนกลับมาที่คุ้มค่า

ไม่ใช่แค่ผลงานในสนามที่เปลี่ยนไป แต่บรรยากาศภายในทีมก็ดีขึ้น ทีมสปิริตแกร่งกว่าที่เคย ห้องแต่งตัวดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ส่วนหนึ่งมาจากการปลุกเร้าของ บรูโน่ ไม่ว่าจะการแสดงออกให้เพื่อนเห็นเป็นตัวอย่างยามอยู่ในสนามหรือกระตุ้นด้วยคำพูด

แม้บางทีพูดเยอะเกินไป จนเหมือนกลายเป็นตำหนิข้างเดียวกัน นำไปสู่การตอบโต้คืนทั้งเคส วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เนมานย่า มาติช แต่ล้วนเต็มไปด้วยเจตนาที่ดี ต้องการทำเพื่อทีมมากกว่าส่วนตัว

ที่สำคัญ บรูโน่ ไม่เก็บเอามาคิด จบแล้วก็จบกันไปในสนาม ความสัมพันธ์ข้างนอกยังเหมือนเดิม

เขาสามารถเคลียร์กับเพื่อน ทำความเข้าใจภายหลังได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ได้ต้องการโทษใครเลย แต่บางครั้งสถานการณ์มันพาไปเอง

ทุกคนต่างยินดีที่ได้นักเตะคุณสมบัติเช่นนี้มาร่วมงานทั้งสิ้น

นักเตะทุกคนเกลียดความพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับ บรูโน่ แล้วทีมแพ้ขึ้นมาจะเข้าขั้นผิดหวังขีดสุด จิตตกอยู่นานกว่าจะดึงตัวเองขึ้นมาได้

บางครั้งรู้สึกผิดบาปต้องโพสต์ระบายขอโทษแฟนบอล ซึ่งนั่นอีกทางออกที่พอช่วยปลดปล่อยความอัดอั้นได้บ้าง

เป้าหมายของ บรูโน่ คือในฤดูกาลนี้ต้องได้สัมผัสโทรฟี่กับแมนฯยูไนเต็ดสักใบหรืออย่างน้อยผ่านเข้าชิงบอลถ้วยสักรายการ เพราะผิดหวังมาตลอดในเกมตัดเชือกทั้ง 3 ครั้งหลังที่มีส่วนร่วม

จากผลงานในสนามและแพสชั่นที่ได้เห็น เราควรเลิกสงสัยหรือตั้งคำถามได้แล้วว่า บรูโน่ เจ๋งจริงหรือเปล่า เพราะเจอทีมใหญ่ทีไรมักจะหายเข้ากลีบเมฆ

ขนาดนี้แล้วต้องยกย่องมากกว่า เพราะถ้าไม่มี บรูโน่ จริงๆ ชะตากรรม โซลชา เวลานี้จะเป็นอย่างไรบ้างไม่รู้

บอกได้คำเดียวว่าแมนฯยูไนเต็ดโชคดีมากๆที่มีนักเตะชื่อ บรูโน่ แฟร์นันด์ส อยู่ในทีม

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

สตีเวน เจอร์ราร์ด ! ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลจะไม่อยู่ในจินตนาการอีกต่อไป

เดอะ ค็อปจึงวาดฝันไว้ว่าเมื่อถึงวันนั้นหรืออีก 4 ปีข้างหน้า เจอร์ราร์ด คงสุกงอมพอสำหรับตำแหน่งนายใหญ่หงส์แดง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ เจอร์ราร์ด เจ็บปวดคือในศึกโอลด์เฟิร์มทั้ง 3 เกมที่ดวลกับเซลติก ล้วนแต่ปราชัยทั้งสิ้น

การเผชิญหน้ากันของสองทีมนี้ อาจไม่ได้สลักสำคัญอะไรในโลกฟุตบอล แต่อินเนอร์ของกองเชียร์แล้วจะมาแบบเข้มเต็มพิกัด ความพ่ายแพ้ถือเป็นรอยด่างพร้อยเลยทีเดียว

ฤดูกาลปัจจุบัน เจอร์ราร์ด จึงหมายมั่นต้องนำทีมล้มเซลติกให้ได้ ไม่ใช่แค่เกมที่ต้องเจอกันอย่างเดียว แต่หมายถึงต้องกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้งด้วยการเป็นแชมป์ลีกด้วย

เรนเจอร์สจึงออกสตาร์ตซีซั่นปัจจุบันด้วยผลงานอันเยี่ยมยุทธ 20 นัดทุกรายไม่แพ้เลย อีกทั้งเป็นการเสมอเพียงแค่ 3 เกมเท่านั้น

บนตารางเชิดหน้านำจ่าฝูงอย่างสง่างามทิ้งห่างเซลติก 9 แต้มเต็ม แม้หนทางยังทอดยาวอีกไกล แต่สาวกเดอะไลท์บลูส์ย่อมมองข้ามช็อตแล้ว สิบปีเต็มที่ห่างหายจากสารบบ มันนานมากๆ

นี่คือผลงานระดับมาสเตอร์พีซของจริง เพราะเทียบงบประมาณต่างๆแล้ว เรนเจอร์สใช้น้อยกว่าเซลติกเกือบเท่าตัวด้วยกัน

อย่างค่าจ้างผู้เล่นแค่ปีละ 34 ล้านปอนด์เท่านั้น เทียบกับเซลติกคือ 56 ล้านปอนด์ถือว่าต่างกันไม่ใช่น้อยๆ

แต่ เจอร์ราร์ด เฟ้นหานักเตะที่มีแววด้วยราคาไม่แพง ก่อนมาขัดเกลาจนส่องประกายเจิดจ้าน่าสนใจ

ยกตัวอย่าง คอร์เนอร์ โกลด์สัน ซึ่งย้ายมาจากไบทร์ตันในปี 2018 ยกระดับกลายเป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่ดีสุดคนหนึ่งของลีก

สตีฟ เดวิส กลายเป็นห้องเครื่องสำคัญ ด้วยวัย 35 ปีประสบการณ์อันโชกโชน โดยผ่านเกมในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว สามารถประคับประคองเป็นเสาหลักได้อย่างมั่นคง

เช่นเดียวกับคูหู่อย่าง ไรอัน แจ็ค ฟอร์มดีผิดหูผิดตา นับตั้งแต่ย้ายมาในปี 2017 นี่ถือเป็นช่วงที่พีกสุด จนกลับมาติดทีมชาติสก๊อตแลนด์อีกครั้ง

ชัดเจนเลยว่าหลังผ่านการเรียนรู้และสรุปบทเรียนได้แล้ว เจอร์ราร์ด ก็จัดการบริหารตามแนวทางของตนทีละขั้นตอน ไม่มีการก้าวข้ามหรือขึ้นลิฟท์ทางลัด

ผลงานดีแบบนี้ใครอยากเห็น เจอร์ราร์ด รับไม้ต่อจาก คล็อปป์ อาจไม่ได้เป็นเพียงแค่ฝัน

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

ตำนานเรือใบ ! บทสรุปของ กุน จะเป็นแบบไหน อนาคตจะยังอยู่หรือไม่ เวลาจะเป็นคำตอบ

กิตติศัพท์ความเก่งกาจของ กุน ย่อมตกอยู่ในโฟกัสของเหล่าแนวรับฝ่ายตรงข้าม แต่เขามีวิธีการรับมือได้ไม่ยากนัก

ผู้จัดการทีมคนไหนมีหัวหอกแบบนี้อยู่ในทีมย่อมแฮปปี้เป็นธรรมดา ไม่เจ็บไม่ว่าแถมยิงกระจุยอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตามใช่ว่าจะโรแมนติกราบรื่นไปตลอด มีบ้างที่เกิดความขัดแย้งตามวิถี ยกตัวอย่างในปี 2017 กาเบรียล เชซุส กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติบราซิลย้ายมาสมทบเพิ่มความดุดันในการเข้าทำ

มีอยู่ช่วง เชซุส ฟอร์มเข้าฝักมากๆ มีแววจะตอบโจทย์ความต้องการของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลยได้ลงเล่นต่อเนื่อง กระทั่งเบียด กุน ไปนั่งสำรองส่วนใหญ่

ดาวเตะอาร์เจนไตน์รู้สึกแย่มาก วาบความคิดอยากจะย้ายทีมขึ้นมา อย่างไรก็ดีเมื่อได้คุยเปิดใจกับเจ้านายทุกอย่างก็เรียบร้อย

กุน ได้เหรียญรางวัลแชมป์พรีเมียร์ลีกมาคล้องคอถึง 4 เหรียญ แชมป์ลีกคัพอีก 5 สมัย เอฟเอคัพอีก 1 เรียกว่าสัมผัสเกียรติยศในประเทศมาหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกยังคงถวิลหาไล่ล่ากันต่อไป

กระนั้นฤดูกาลที่แล้วต่อเนื่องมายังซีซั่นปัจจุบัน เกิดสัญญาณเตือนที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไรนัก

เริ่มจากเจ็บกล้ามเนื้อปลายปี 2019 พักร่วมเดือน พอหายกลับมาได้ยิงสม่ำเสมอก็ต้องมาเดี้ยงอีกช่วงรีสตาร์ท ครั้งนี้หนักหนาสุดในชีวิตการค้าแข้ง เพราะแผลที่หัวเข่าร้ายแรงถึงขั้นเบรกไปทั้งสิ้น 113 วันด้วยกัน

จากมิถุนายนต้องฟื้นฟูกันยาวถึงตุลาคมปีที่แล้ว พอสลัดเดี้ยงสำเร็จ หวนคืนสู่สังเวียนอีกคำรบก็ไม่เหมือนเดิมอีก

ราวเดือนพฤศจิกายนยังเผชิญกับปัญหาที่แฮมสตริงซึ่งเวียนมาเยือน มันเป็นแผลเก่าที่เคยเล่นงานมาก่อน แม้จะใช้เวลาเยียวยาไม่นานราว 3 สัปดาห์ แต่การบาดเจ็บแบบสะสม มันบ่งบอกเลยว่าร่างกายทรุดลงกว่าเดิม

ซีซั่นก่อนเขายิงได้ 23 ประตูทุกรายการ ดูแล้วไม่น้อยหรอก แต่ต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยสร้างเอาไว้

ผลกระทบยาวมาถึงฤดูกาลนี้ เพิ่งจะลงให้ซิตี้ไปเพียงแค่ 9 เกม ไม่เคยอยู่ครบ 90 นาทีเลยสักเกม รวมแล้วอยู่ในสนาม 260 นาทีเท่านั้น ทำไปได้แค่ 2 ประตูไม่มีสักแอสซิสต์เดียว

ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมประสิทธิภาพในการเข้าทำของเรือใบสีฟ้าจึงลดประสิทธิภาพลงอย่างน่าใจหาย ไม่เร่าร้อนรุนแรงเหมือนอย่างที่เคยทำไว้

นั่นจึงเป็นที่มาของกระแสอาจยุติ 10 ปีในฐานะแข้งซิตี้ โดยสัญญาฉบับปัจจุบันหมดลงในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้

ทางออกของ กุน หากไม่กลับไปเล่นในอาร์เจนตินาบ้านเกิด ก็คงเลือกสโมสรใหญ่ในยุโรปที่พร้อมอ้าแขนรับ ท่ามกลางกระแสปารีส แซงต์ แชร์กแมงมีโอกาสมากสุด

ถึงตรงนี้ กุน เล่นให้แมนฯซิตี้ 379 นัด พร้อมผลงาน 256 ประตู หากจบซีซั่นแยกทางกันจริง คงยากที่จะเล่นครบ 400 เกม

และ เขาคือกองหน้าที่ดีสุดในประวัติศาสตร์แมนฯซิตี้อย่างแน่นอน

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

แผนนี้แจ่มมั้ย ! เผยโฉม สิงห์บลู ยุคใหม่หาก ทูเคิ่ล ได้ 3 สตาร์เสริมทัพ

สื่อต่างประเทศหลายสำนักต่างรายงานตรงกันว่า โธมัส ทูเคิ่ล เตรียมได้รับการแต่งตั้งให้มาสานงานต่อจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด หลังจากกุนซือชาวเยอรมันกำลังว่างงานนับตั้งแต่ถูก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว

ทั้งนี้คาดว่าสาเหตุที่ เชลซี เลือก ทูเคิ่ล เข้ามากุมบังเหียนนั้นจะสามารถเข้ามาเรียกฟอร์มการเล่นของคู่หูทีมชาติเยอรมันอย่าง ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ทซ์ ที่ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมากได้นับตั้งแต่ย้ายมาจากลีกเมืองเบียร์ด้วยค่าตัวมหาศาลเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ล่าสุด เดอะ ซัน ได้จัดทำไลน์อัพ เชลซี ในยุคของ ทูเคิ่ล ในอนาคต หากได้ใช้งบเสริมทัพซื้อสตาร์ดังเข้ามาเพิ่มทั้ง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ปราการหลังจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป

ขณะที่รายต่อมาเป็น มาร์โก แวร์รัตติ มิดฟิลด์ตัวเก่งจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่มีข่าวเชื่อมโยงในการย้ายออกจากทีม และจะได้กลับมาร่วมงานกับ ทูเคิ่ล อีกครั้ง


ปิดท้ายที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าคนเก่ง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่มีรายงานว่า เชลซี วางแผนการใหญ่ที่จะทุ่มเงินเป็นสถิติใหม่สโมสรเพื่อดึงตัวมาร่วมทีมให้ได้หลังจบฤดูกาลนี้

และนี่คาดว่าจะเป็นหน้าตา 11 ตัวจริงของ เชลซี ในยุค โธมัส ทูเคิ่ล หากได้แข้งเหล่านี้เข้ามาเสริมทัพ โดยมาในระบบ 4-3-3

เริ่มจากตำแหน่งผู้รักษาประตูยังคงเป็น เอดูอาร์ เมนดี้ ที่รับบทมือ 1 ต่อไป ส่วนแบ็กโฟร์ให้ รีซ เจมส์ ยืนแบ็กขวา ด้าน เบน ชิลเวลล์ เล่นทางซ้าย ส่วนคู่เซนเตอร์เป็น ติอาโก้ ซิลวา จับคู่กับ ดาโยต์ อูปาเมคาโน่

ขณะที่กองกลางมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ยืนทำหน้าที่คู่กับ มาร์โก แวร์รัตติ โดยมี ไค ฮาแวร์ทซ์ คอยทำหน้าที่เป็นตัวบัญชาเกมรุกตามถนัด

ส่วน 3 ประสานแดนหน้าให้ คริสเตียน พูลิซิช ไปยืนริมเส้นด้านขวา ขณะที่ ติโม แวร์เนอร์ ประจำการฝั่งซ้าย โดยมี ฮาแลนด์ รับบทกองหน้าตัวเป้า

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่