แจ้งเกิดเต็มตัว ! เอมิล สมิธ โรว์ ดาวดวงใหม่แห่งทัพ ปืนโต

หลังจากใช้เวลายืมตัว 6 เดือนกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ในศึกเดอะแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เมื่อครึ่งท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา ในปีนี้ เอมิล สมิธ โรว์ มิดฟิลด์อนาคตไกล อาร์เซน่อล กลับคืนสู่ทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” อีกครั้งพร้อมกับแจ้งเกิดได้อย่างน่าประทับใจ

ในซีซั่นที่แล้ว สมิธ โรว์ มีโอกาสลงเล่นให้กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ในลีกไปมากถึง 19 เกม และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการซัดไป 2 ประตู ก่อนที่เขาจะกลับสู่ อาร์เซน่อล เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และได้รับโอกาสจาก มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสเปนให้มีส่วนร่วมกับทีมชุดแรกของ “ไอ้ปืนใหญ่” ในฤดูกาลนี้ไปแล้ว 5 เกม

แดนนี่ ซิมป์สัน อดีตแบ็คขวา ฮัดเดอร์สฟิลด์ ซึ่งเคยเล่นร่วมกับ สมิธ โรว์ เริ่มเล่าว่า “ตอนนั้นผมได้หยุดพัก 2-3 วัน เมื่อผมไปที่สนามซ้อม มีเด็กคนหนึ่งเข้ามาทักผมว่า ดีใจที่ได้พบคุณที่นี่ ผมคิดกับตัวเองว่า เด็กคนนี้เป็นใคร? ผมชอบเขามากนะ เขามีความมั่นใจทั้งที่เพิ่งย้ายมา 1 สัปดาห์เท่านั้น”

ความเป็นจริงแล้ว สมิธ โรว์ เป็นเด็กที่ขี้อาย และเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว แต่เมื่อได้ลงสนามกองกลางวัย 20 ปี กลับแสดงออกถึงการเล่นที่นิ่งเกินอายุเหมือนกับผู้เล่นที่อยู่กับทีมชุดใหญ่มานานแล้ว และสามารถเล่นร่วมกับผู้เล่นอาวุโสได้อย่างลงตัว

มาร์ค ฮัดสัน โค้ชทีมชุดแรก ฮัดเดอร์สฟิลด์ กล่าวต่อว่า “เขาสร้างผลกระทบให้กับเราได้อย่างมาก เขากล้าย้ายมาเล่นกับเราด้วยตัวเองกับสโมสรที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น เขาเป็นเด็กที่น่าประทับใจมาก และนั่นพิสูจน์ให้เห็นได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา”

“คุณสามารถเห็นพรสวรรค์ของเขาได้ทันที เทคนิค ความสามารถในการเร่งสปีดเกม และการครองบอลของเขาก็ยอดเยี่ยม เขาเป็นเด็กที่กระตือรือร้น มีพลังงาน และความสามารถในการเพรสซิ่งก็ดีเช่นกัน เขาเคลื่อนที่ได้ฉลาดมากด้วย”

“เขาหาที่ว่างให้กับตัวเองได้อยู่เสมอ เขาอาจดูไม่เร็วนัก แต่ก็สามารถพาบอลไปได้ทุกพื้นที่ของสนามอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเล่นฟุตบอลในจังหวะที่เหมาะสม มีวิสัยทัศน์ที่ดี และเข้าใจเกมเป็นอย่างดี คุณจะเห็นมันในการฝึกซ้อม”

ในฤดูกาลที่ผ่านมา แดนนี่ คาวลีย์ กุนซือ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ต้องบริหารการฝึกซ้อม และเวลาลงสนามของ สมิธ โรว์ ให้เหมาะสมหลังย้ายมาด้วยสัญญายืมตัวจาก อาร์เซน่อล ก่อนจะค่อยๆพัฒนา ดาวเตะวัย 20 ปี กลายเป็นกำลังสำคัญของสโมสร

ฮัดสัน กล่าวต่อว่า “เห็นได้ชัดว่า เดอะแชมเปี้ยนชิพ เป็นลีกที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งมาก เราแค่ทำให้เขาเล่นเร็วขึ้น และปกป้องเขาไปพร้อม ๆ กัน เราจะไม่เพียงแค่ใช้งานเขาเพียงอย่างเดียว และเราต้องการให้แน่ใจว่า เราใช้เขาในเวลาที่เหมาะสม”

“เขาอยากรู้เสมอว่า ทำไมเขาถึงไม่ได้ลงเล่น บางทีเขาจะมาเคาะประตูห้องโค้ช และหงุดหงิดมาก เขามีความคิดที่ถูกต้อง เขาจะเข้าหาผู้จัดการทีมทันที และต้องการทราบเหตุผลเพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าจะปรับตัว และปรับปรุงอะไรบ้าง เขาคือผู้ชนะ”

สุดท้าย เมื่อถูกให้คำอธิบายว่า สมิธ โรว์ เล่นตำแหน่งใดดีที่สุด ฮัดสัน ตอบว่า “เขาเป็นมิดฟิลด์ที่วิ่งทะลุแนวรับได้ และเล่นริมเส้นได้ทั้ง 2 ฝั่งด้วย เขาไม่ใช่นักเตะที่เล่นได้เพียงตำแหน่งเดียว แต่จริงๆแล้ว เขาชอบเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง”

“แต่เราเคยให้เขาเล่นตัวรุกทางซ้าย 2-3 เกม ถ้าคุณมีตัวรุกฝั่งซ้ายอยู่แล้ว เขาก็สามารถขยับมาเป็นจอมทัพหมายเลข 10 ได้ และหากคุณเล่นในระบบบ 4-3-3 เขาก็สามารถเป็นกองกลางหมายเลข 8 ได้เช่นเดียวกัน แต่ไม่ว่าเขาจะเล่นในตำแหน่งใดตอนนี้มันเป็น อาร์เซน่อล ที่ได้ประโยชน์”

“ผมดูเกมกับ คริสตัล พาเลซ และเห็นว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในสนาม เขาเคลื่อนที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เขามีความสามารถในการวิ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษ เขาเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และ อาร์เซน่อล ก็ไว้วางใจเขามาก มันทำให้เขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด นั่นแสดงให้เห็นว่า เอมิล เป็นผู้เล่นที่ดีมาก”

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

จิ๊กซอว์ที่หายไป ! “มาร์ติน โอเดการ์ด” บุรุษผู้มาเติมเต็มส่วนที่ขาดของทัพ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล (พร้อมบทสัมภาษณ์)

แม้ว่าในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเราจะได้เห็นการมาของดีลใหญ่อย่างโธมัส ปาร์เตย์ หรือแม้แต่การก้าวขึ้นมาแก้ปัญหาในภาวะฉุกเฉินของเอมิล สมิธ โรว์ ที่พอจะทำให้แฟนปืนใจชื่นกันได้บ้าง แต่มันก็ยังคงมีบางอย่างติดค้างคาใจ เหมือนยังขาดอะไรอยู่

ความสงสัยนั้นเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงปีใหม่ ดูเหมือนว่าอาร์เซน่อลยังคงขาดนักเตะที่เป็นกองกลางตัวสร้างสรรค์เกมหรือเพลเมกเกอร์ที่มีความเฉียบคมในการผ่านบอลเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายอยู่

นี่แหละคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่พระเอกของเราจะปรากฏตัว

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของอาร์เซน่อล ทำให้พวกเขาไม่ได้มีตัวเลือกมาก การจะลงไปลุยตลาดซื้อขายแบบป๋าคงไม่ได้เห็นแน่นอน ตัดออกไปเลย

ทว่า สโมสรกลับสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วในการปิดดีล “มาร์ติน โอเดการ์ด” มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น 6 เดือนด้วยค่ายืม 2.5 ล้านปอนด์ ตัดหน้าเรอัล โซเซียดัดที่อยากจะดึงเข้าไปร่วมงานอีกครั้งไปแบบหน้าตาเฉย จากความต้องการของนักเตะเองอยากจะมาเก็บประสบการณ์ในเกาะอังกฤษและช่วยทีมดังจากลอนดอนเหนือในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล

บทสัมภาษณ์แรกของมาร์ติน โอเดการ์ด

โอเดการ์ด เปิดเผยว่าการพูดคุยกับ อาร์เตต้า กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ อาร์เซน่อล

“ผมได้คุยกับเขาก่อนย้ายมาที่นี่, แน่นอน นั่นเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผมและเขาดูเป็นผู้จัดการทีมชั้นยอดนะ ผมชอบไอเดียของเขา, การมองเกมฟุตบอลของเขาและการปฏิบัติตัวของเขาด้วย” โอเดการ์ด บอกกับเว็บไซต์สโมสร

“เขาทำให้ผมรู้สึกยอดเยี่ยมและนั่นเป็นเรื่องสำคัญต่อการย้ายมาที่นี่ เขาเป็นกุญแจสำคัญเลยล่ะ”

“ผมว่าทุกครั้งที่คุณย้ายไปอยู่กับสโมสรใหม่ คุณอยากจะแน่ใจว่าจะรู้สึกดีและมีแผนวางเอาไว้ แต่ผมว่าทุกสิ่งที่ดีดูดีนะ”

“วันก่อน ดานี่ ส่งข้อความมาหาผมและเขาพูดถึงแต่สิ่งดีๆของสโมสร, ผู้จัดการทีมและทุกๆอย่าง”

“นั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมเหมือนกันและเขาก็แฮปปี้ที่ผมย้ายมาที่นี่ ดังนั้นนั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผมนะ มีคนรู้จักอยู่ที่นี่และได้ยินจากคนที่อยู่ภายในสโมสร เป็นเรื่องที่ดีนะ”

“การมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นความฝันเสมอล่ะ และผมก็ชอบสไตล์การเล่นของ อาร์เซน่อล ด้วย สำหรับผมแล้ว เชสก์ ฟาเบรกัส คือหนึ่งในไอดอลเลย”

“ผมเคยมาทดสอบฝีเท้ากับอาร์เซนอลตอนอายุ 15 และได้คุยกันหลายเรื่อง ผมมีความรู้สึกดีที่กับการอยู่ที่นะ และผมก็คิดแต่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น สุดท้ายผมอาจไม่ได้เลือกที่จะอยู่ที่นี่ แต่ผมก็มีช่วงเวลาที่ดี และจำมันได้เลยแหละ”

“ครั้งแรกที่ผมมายังสโมสร มันมีความรู้สึกที่ดี และทุกครั้งที่ได้ยินเกี่ยวกับอาร์เซนอล มันก็ยังเป็นแบบเดิมไม่เปลี่ยน ตอนนี้ผมย้ายมาแล้ว บางครั้งชะตาอาจจะลิขิตไว้ก็ได้”

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่