น้อง “เป้” ขึ้นแท่น อนาคตของวงการฟุตบอล ที่จะมาแทนที่ โรนัลโด้ เมซซี่

ก่อน อื่นต้องยอมรับก่อนเลย ว่า ถ้านึกถึง ฟุตบอล ในรอบ เกือบ 20ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะ เป็นใครก็ต้อง รู้จัก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลีโอเนล เมซซี่ 2 โคตรแข้งที่เป็นปรากฎการณ์มาอย่าง ยาวนาน

ไม่ว่าย้าย ไปอยู่ทีมไหน ทั้งลีคเติบโตขึ้นเรื่อง ภาพลักษณ์ ธุรกิจฐาน คนดู แฟนๆ เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้ไม่ว่าใครก็อยากได้ พวกเขา2คนไปร่วมทีม แต่กาลเวลา ผ่านไป พวกเขาทั้ง 2เริ่มโรยราไปตามอายุ

แต่วงการฟุตบอล ก็ยังไม่ อาจหาตัวแทนที่จะ แทนที่พวกเขา ทั้งสองคนได้เลย คนที่ดูจะใกล้เคียงที่สุด น่าจะเป็น เนย์มา ถ้าไม่ติดเรื่องที่ซุปเปอร์สตาร์ชาวแซมบ้าขาดวินัยนอกสนาม

การเล่นที่ห่างไกลคำว่า”ทีม”ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไร แต่ถ้านับจากฝีเท้าล้วนๆ ป่านนี้คงจะมาแทน2คนนี้ไปนานแล้ว

ต่างกับ เอมบาปเป้ ที่ดูจะเต็มที่กับฟุตบอลตลอดทุกนัด ที่ลงแข่ง และ มีถ้วยรางวัลติดไม้ติดมือ การันตีความสำเร็จ มามากมาย

บรรดา กูรู หลายๆคนก็ออกมาชม กันอย่างหนาหู ถึงดาวรุ่งมากพรสวรรค์ คนนี้ อย่างมาก

โจ โคล “การเอาชนะตัวประกบ การเล่นกับเพื่อนร่วมทีม ความขยันตอนที่ไม่ได้ ครองบอล เขาสุดยอดในทุกแง่มุม ปัจจุบันนี้ เขาเป็น 1 ในตัวชูโรง ของวงการฟุตบอลไปแล้ว”

เจมี่ คาราเกอร์ “ผมไม่ได้พูดเล่นนะ เขาเคยเกือบได้ย้ายมา อยู่กับลิเวอร์พูล แล้วสมัยยังค้าแข้งให้กับ โมนาโก”

“ถ้าจะนับทีมในพรีเมียร์ลีค ที่เหมาะสมกับเขาในเวลา นี้ เห็นจะมีแค่ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ซิตี้เท่านั้น”

มีรายงานจากทางฝรั่งเศสว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้ยื่นสัญญาใหม่ให้กับ คิลิยัน เอ็มบัปเป้หัวหอกมหากาฬเป็นเวลา4ปีนักเตะได้พิจารณาข้อเสนอดังกล่าวมาหลายเดือนแล้วแต่ยังไม่ตอบรับแต่อย่างใด

ซึ่งแข้งวัย 22 ปีกำลังถูกถามถึงเรื่องอนาคต กันอย่างต่อเนื่องเพราะตัวเขาเหลือสัญยาอยู่ถึงปี 2022 เท่านั้น

บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ได้ เช่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนซิตี้ ลิเวอร์พูล และ รีลมาดริด ต่างอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีมกันหมด

เชื่อได้เลยว่า การย้ายทีมของ เขาจะเป็นข่าวใหญ่ในวงการฟุตบอลอย่างแน่นอน

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

วัดจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ! เชื่อว่า เอ็มบั๊ปเป้ น่าจะตัดสินใจอยู่ต่อ

ถ้าฤดูร้อนนี้ผ่านไป โดยที่ยังไม่มีการขยายสัญญาฉบับใหม่ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ออกไปอีก ปารีส แซงต์ แชร์กแมงย่อมเจอปัญหาหนักใจมากตามลำดับแน่นอน

แล้วหากปล่อยไว้จนถึงปฏิทินเปลี่ยนปีเป็น 2022 ความลำบากจะยากทวีคูณอย่างไม่ต้องสงสัย

เปแอสเชอาจจะสบายใจได้บ้างตรงที่ หลายสโมสรใหญ่ที่ตามจีบ เอ็มบั๊ปเป้ ย่อมประสบปัญหาการเงิน ซึ่งไม่ได้มีงบประมาณมากเหมือนเมื่อก่อน

เหตุผลนี้อาจโน้มน้าวให้นักเตะตัดสินใจอยู่ต่อ เพราะยังไงก็ได้ค่าจ้างมากกว่าของเก่าแน่นอน อีกทั้งไม่มีทีมไหนศักยภาพพอพร้อมจะมาสู่ขอ

เรอัล มาดริดซึ่งเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้ตัว ก็ต้องเผชิญกับวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ ต่อให้ผลประกอบการไม่ถึงขั้นกระเป๋าฉีกและหนี้สินไม่ได้พะรุงพะรังเหมือนบาร์เซโลน่า แต่ก็ต้องอยู่ในภาวะรัดเข็มขัดจนพุงกิ่ว

ฉะนั้นหากจะหอบเงินฟ่อนใหญ่มาซื้อจริงๆ คงต้องผ่องถ่ายขายผู้เล่นที่มีอยู่ออกไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี

ไหนจะขนาดขุมกำลังที่ดูเล็กลงอีก ไม่ใหญ่โตพอที่จะปล่อยนักเตะเหมือนอย่างที่เคย ความฝันของ ซีเนดีน ซีดาน จึงเกิดขึ้นยากพอสมควร

ยกเว้นเคสนักเตะดึงดันจะย้ายและไม่ขยายสัญญา ปล่อยให้หมดลงเอง เป็นการบีบให้เปแอสเชต้องยอมรับสภาพขยับไปทางไหนก็ลำบาก

ในขณะที่ลิเวอร์พูลเองก็โยงกับ เอ็มบั๊ปเป้ อย่างต่อเนื่องเช่นกัน แต่อุปสรรคก็ไม่แตกต่างจากมาดริดเท่าไรนัก แล้วบอร์ดบริหารก็ไม่ได้นิยมซื้อแข้งซูเปอร์สตาร์ แม้จะรู้ว่านี่คือของจริงและ เจอร์เก้น คล็อปป์ เชื่อว่าเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญต่อยอดความสำเร็จ

พูดง่ายๆคือทั้งสองทีมที่พัวพันมาตลอด ไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมเลย อย่าลืมว่าหากคิดจะคว้าในซัมเมอร์นี้ ไม่ใช่ต้องทุ่มค่าตัวอย่างเดียว ไหนจะต้องเจียดมาจ่ายค่าเหนื่อยมหาศาลด้วย

เอ็มบั๊ปเป้ เป็นเด็กที่โตมาจากสถาบันครอบครัวแข็งแรง จึงผูกพันกับคนในบ้านอย่างยิ่ง การย้ายทีมย่อมกลั่นกรองด้วยความรอบคอบมากๆ

ยิ่งมาเกิดสถานการณ์ไม่ปกติไวรัสระบาดอย่างหนัก ความเสี่ยงของการเดินทาง เปลี่ยนแปลงที่อยู่ จึงไม่ใช่สิ่งที่สะดวกนัก

เมื่อเป็นอย่างนี้เปอร์เซนต์ที่นักเตะจะยืดสัญญาออกไปจึงมีสูง ตัวแปรหลักเลยอยู่ที่เปแอสเชว่าจะหาวิธีดึงดูดใจอย่างไร

หากไม่ย้ายในเที่ยวนี้ บางทีในเงื่อนไขสัญญาฉบับใหม่อาจเพิ่มรายละเอียดบางอย่างลงไป เพื่อเปิดทางสำหรับการย้ายในอนาคต

ว่ากันตามตรงอายุเพิ่ง 22 ปี ไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนไปเลย เล่นในลีกเอิงโกยเงินและความสำเร็จอีกสัก 3 ปีค่อยขยับปรับเปลี่ยนยังทันเหลือเฟือ

ไม่แน่เหมือนกันความท้าทายใหม่ของเขา นอกจากได้เล่นร่วมกับ เนย์มาร์ เหมือนเดิมแล้ว ยังอาจมี ลิโอเนล เมสซี่ มาอีกคน

แค่คิดก็ให้รู้สึกตื่นเต้นแทนแล้ว

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

ซีเนดีน ซีดาน ! ปัญหาที่ต้องเผชิญเวลานี้มันหนักจริง ๆ

ย้อนกลับไปเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรอัล มาดริดมีคิวเตะเกมลีกกับเคตาเฟ่

ระหว่างที่นำอยู่ 2-0 จนกระทั่งเข้าสู่ 15 นาทีสุดท้าย ซีเนดีน ซีดาน เตรียมจะเปลี่ยนผู้เล่นสำรองลงมา นอกจากินเวลาได้แล้ว ยังถือโอกาสให้ตัวหลักได้พักบ้าง เป็นการหมุนเวียนในยามโปรแกรมชุกแบบนี้

ดังนั้นจึงหันไปสั่ง อีสโก้ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ให้ถอดเสื้อวอร์มออกเตรียมความพร้อมเพื่อลงไปเล่น

อย่างที่รู้กันช่วงหลังความสัมพันธ์ของดาวเตะร่างเล็กกับเจ้านายง่อนแง่นมากๆ ปลายปีที่แล้ว ซีดาน เตือนผ่านสื่อว่าต้องรีดฟอร์มตัวเองมากกว่านี้ถึงได้รับโอกาส

ส่วนตัว อีสโก้ เองเคยบ่นเหมือนกันว่าได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทีไรก็ถูกเปลี่ยนเสมอหรือไม่พอลงเป็นตัวสำรองก็เหลือไม่ถึง 10 นาทีสุดท้าย

แล้วเกมกับเคตาเฟ่ ซีดาน ต้องเจอปัญหาแข้งบาดเจ็บระนาว แทนที่จะเข็น อีสโก้ ลงตัวจริงกลับใช้งานเด็กอย่าง มาร์วิน พาร์ค และ เซร์คิโอ อาร์รีบาส

นั่นย่อมทำให้ อีสโก้ ผิดหวังแน่นอนที่ถูกมองข้ามอย่างนี้ แม้จะได้รับคำอธิบายชัดเจนว่าเพิ่งกลับมาซ้อม

นับตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว อีสโก้ เพิ่งเล่นให้มาดริดแค่ 126 นาทีเท่านั้น ทั้งบาดเจ็บทั้งโดนดร็อป

แทนที่ อีสโก้ จะกระตือรือร้นที่ได้ลงเล่น กลับนวยนาดลุกขึ้นมา หยิบขวดน้ำมาเทแล้วลูบผมวนไปวนมา 3 รอบด้วยกัน กล้องทีวีจับภาพได้นับเวลาแล้ว 1 นาที 20 วินาทีที่ทำอยู่อย่างนั้น

ก่อนจะวิ่งตามโค้ชไปอบอุ่นร่างกาย กว่าจะได้ลงมาก็ปาเข้าไปช่วง 10 นาทีสุดท้ายแล้ว

นับเป็นการตอบสนองที่แย่มากๆของนักเตะซึ่งควรมีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้

นอกจากจะต้องเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของ แกเร็ธ เบล ยังต้องมาเจอ อีสโก้ อีกราย นั่นหมายความแข้งประเภทดังกล่าวคงต้องถูกปล่อย เพื่อให้ขุมกำลังเกิดเสถียรภาพมากกว่าเคย

แล้ว ซีดาน แทบจะไม่พูด รวมถึงไม่แทบไม่เคยตำหนิลูกทีมออกสื่อ อีกทั้งยังพยายามให้โอกาสอย่างสม่ำเสมอ

ถึงบอกว่าปัญหาที่ต้องเผชิญเวลานี้มันหนักจริงๆ การจะฝ่าไปแบบรักษาตัวรอดปลอดภัยไม่ง่ายเลย แล้วเป้าหมายของมาดริดต้องป้องกันแชมป์ลาลีกาและกลับมาผงาดเจ้ายุโรป

หาก ซีดาน ทำสำเร็จสักภารกิจ ต้องยอมรับนับถือในฝีมือไม่แพ้ตอนนำทีมครองยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยรวดเลยทีเดียว

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ! นักเตะที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดได้ยาวนาน กว่า 15 ปี

ชีวิตที่ยากลำบากปากกัดตีนถีบตั้งแต่จำความได้ น่าจะช่วยหล่อหลอมให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เติบโตขึ้นมาอย่างรู้จักคุณค่าทุกหยาดเหงื่อที่ทุ่มเทลงไป

ตอนที่แม่รู้ว่าตั้งท้องเขาครั้งแรก เคยมีความคิดว่าจะไปทำแท้งซะ เพราะหากปล่อยไว้ให้คลอดออกมาลืมตาดูโลก ความเป็นอยู่ของครอบครัวคงสาหัสกว่าที่เคย

แต่การเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย มันคือการตัดสินใจที่เปลี่ยนโลกฟุตบอลในยุคปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย

รวมทั้งเปลี่ยนสถานะจากผู้หญิงชาวโปรตุกีสธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำ กลายเป็นมารดาของแข้งลูกหนังที่เก่งกาจ มีชื่อเสียงและร่ำรวยมากสุดคนหนึ่งของโลก

ในขณะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอสคนที่สองซึ่งเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณ บอกอย่างไม่ต้องเกรงใจใครว่า โรนัลโด้ คือนักเตะที่เปี่ยมด้วยความสามารถและพรสวรรค์มากสุดที่เคยร่วมงานด้วย

เฟอร์กี้ เสียดายตรงที่อยู่กับแมนฯยูไนเต็ดน้อยเกินไป เพียงแค่ 6 ปีเท่านั้นเอง หากอยู่โยงยาวๆไม่ต้องย้ายไปไหน จะก้าวสู่การเป็นตำนานยิ่งใหญ่สุดในประวัติสโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้กระทั่ง  ซึ่งเคยเป็นเจ้านายที่เรอัล มาดริดและเคยขัดแย้งกันมาก่อน ก็ยอมรับง่ายๆว่าไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนเก่งกาจมีความเป็นมืออาชีพแบบนี้ ต่อให้เกลียดขนาดไหนก็ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน

โรนัลโด้ จะอยู่ตรงจุดสูงสุดนี้ไปอีกกี่ปี ไม่มีใครให้คำตอบได้เลยว่าเมื่อไรจะถึงขาลงหรือว่าเขาอาจจะไม่ใช่คน แต่อาจจะมาจากนอกโลกก็เป็นไปได้

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

เอแดน อาซาร์ กับทางเดิน ที่เลือกไว้แล้ว

ไม่ผิดนักหากจะพูดว่า อาซาร์ คือตัวแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์ฮีโร่คนเดิม ที่เผ่นไปยูเวนตุสแบบปุบปับตั้งแต่ปี 2018

ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรมั่นใจในตัวปีกเบลเจี้ยนมากๆ ไม่ใช่แค่ฟอร์มจะเปรี้ยงปร้างเท่านั้น แต่ยังจะปั้นให้ขึ้นสู่ตำแหน่งดาวดวงใหม่ด้วย

อาซาร์ อาจมีลีลาคล้ายกับ โรนัลโด้ แต่ปัจจัยสำคัญอื่นๆผิดกันลิบลับ โดยเฉพาะเรื่องของวินัยและความเคร่งครัดในการดูแลตัวเอ

หลายครั้งที่เราได้เห็นเขาอยู่ในสภาพอ้วนฉุ ปล่อยน้ำหนักพุ่งพรวดเกินมาตรฐานนักเตะอาชีพ เหตุมาจากการกินแบบตามใจปาก

ไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้นที่เลือกผิดหลักโภชนาการ แต่ยังนิยมดื่มอีกต่างหาก ต่อให้พรสวรรค์เหนือชั้นแค่ไหน ก็ยากที่จะไปได้สุดตามที่ตั้งเป้าเอาไว้

สมัยอยู่เชลซียังหนุ่มแน่น ร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยบาดเจ็บให้มาต้องซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอผุพังกันเท่าไรนัก

ล่าสุดสื่อสายมาดริดและแฟนบอลตั้งคำถามแล้ว ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับ อาซาร์ กันแน่?

นับถึงตรงนี้ อาซาร์ สวมยูนิฟอร์มสีขาวของมาดริดครบ 18 เดือนแล้ว ลองไปเทียบตัวเลขต่างกับ เบล ในช่วงเวลาเดียวกันดู เผื่อจะฉายภาพต่างๆได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

อาซาร์ ลงเล่นไปแล้ว 31 นัดทุกรายการ ทำไปได้เพียง 3 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ จากจำนวน 1,964 นาที โดยที่คว้าแชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพกับลาลีกามาครอง ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมเท่าไรเลย

ส่วน 18 เดือนของ เบล ลงสนามแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย พัฒนาฝีเท้าและพิสูจน์จนเป็นตัวหลัก โม่แข้งทั้งสิ้น 69 เกม ซัดไปถึง 34 ประตู 24 แอสซิสต์ใน 5,453 นาที

เขาครองแชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพ ยิงประตูสำคัญให้มาดริดผงาดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกทั้งได้ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพอีกด้วย

ความจริงแล้วในช่วงปีครึ่ง อาซาร์ ควรจะรับใช้มาดริด 75 เกม ไม่ใช่เพิ่งลงเพียงแค่ 31 แถมถูกเปลี่ยนตัวออกหรือเป็นสำรองหลายนัดมาก

มาร์ซิน บุลก้า ผู้รักษาประตูชาวโปแลนด์ ซึ่งเคยเล่นในระดับเยาวชนให้เชลซีและเคยเห็นพฤติกรรมต่างของ อาซาร์ เล่าให้ฟังเป็นฉากๆเลยว่า

“เขาชอบจั๊งก์ฟู้ดอย่างแฮมเบอร์เกอร์หรือว่าพิซซ่ามากๆ นั่นคือความสุขของเขาเลยล่ะ เขาไม่แคร์อะไรนอกจากอาหารและฟุตบอล”

เรื่องนี้หากไปถาม อาซาร์ ไม่เคยเถียงเลย รวมทั้งยักไหล่ไม่ใส่ใจอีกต่างหาก เมื่อกลับมารายงานตัวแล้วน้ำหนักทะยานอย่างไม่สมควร

“ใช่มันเป็นเรื่องจริง แต่สำหรับผมแล้ว วันหยุดก็คือวันหยุด”

เราพอจะพูดได้เกี่ยวกับวิถีความเป็นมืออาชีพของ อาซาร์ ไม่มากพอสำหรับการไปสู่จุดพีกเหมือนอย่างนักเตะบางคน

แต่หากเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในทำนองนี้ ย่อมหมายความว่าเขาต้องเลือกทางเดินไว้แล้ว นี่คงเป็นสิ่งที่ต้องการ

อาซาร์ เองรู้ดีว่าถ้าเคร่งครัดแบบ โรนัลโด้ ซ้อมอย่างหนัก ดูแลร่างกายตัวเองอย่างดีทุกวินาที โอกาสจะเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้นๆของโลกย่อมมีสูง

บางทีนั่นอาจไม่ใช่เป้าหมายหรือสิ่งที่เขาต้องการมากสุดก็ได้

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

จิ๊กซอว์ที่หายไป ! “มาร์ติน โอเดการ์ด” บุรุษผู้มาเติมเต็มส่วนที่ขาดของทัพ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล (พร้อมบทสัมภาษณ์)

แม้ว่าในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเราจะได้เห็นการมาของดีลใหญ่อย่างโธมัส ปาร์เตย์ หรือแม้แต่การก้าวขึ้นมาแก้ปัญหาในภาวะฉุกเฉินของเอมิล สมิธ โรว์ ที่พอจะทำให้แฟนปืนใจชื่นกันได้บ้าง แต่มันก็ยังคงมีบางอย่างติดค้างคาใจ เหมือนยังขาดอะไรอยู่

ความสงสัยนั้นเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงปีใหม่ ดูเหมือนว่าอาร์เซน่อลยังคงขาดนักเตะที่เป็นกองกลางตัวสร้างสรรค์เกมหรือเพลเมกเกอร์ที่มีความเฉียบคมในการผ่านบอลเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายอยู่

นี่แหละคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่พระเอกของเราจะปรากฏตัว

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของอาร์เซน่อล ทำให้พวกเขาไม่ได้มีตัวเลือกมาก การจะลงไปลุยตลาดซื้อขายแบบป๋าคงไม่ได้เห็นแน่นอน ตัดออกไปเลย

ทว่า สโมสรกลับสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วในการปิดดีล “มาร์ติน โอเดการ์ด” มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น 6 เดือนด้วยค่ายืม 2.5 ล้านปอนด์ ตัดหน้าเรอัล โซเซียดัดที่อยากจะดึงเข้าไปร่วมงานอีกครั้งไปแบบหน้าตาเฉย จากความต้องการของนักเตะเองอยากจะมาเก็บประสบการณ์ในเกาะอังกฤษและช่วยทีมดังจากลอนดอนเหนือในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล

บทสัมภาษณ์แรกของมาร์ติน โอเดการ์ด

โอเดการ์ด เปิดเผยว่าการพูดคุยกับ อาร์เตต้า กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ อาร์เซน่อล

“ผมได้คุยกับเขาก่อนย้ายมาที่นี่, แน่นอน นั่นเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผมและเขาดูเป็นผู้จัดการทีมชั้นยอดนะ ผมชอบไอเดียของเขา, การมองเกมฟุตบอลของเขาและการปฏิบัติตัวของเขาด้วย” โอเดการ์ด บอกกับเว็บไซต์สโมสร

“เขาทำให้ผมรู้สึกยอดเยี่ยมและนั่นเป็นเรื่องสำคัญต่อการย้ายมาที่นี่ เขาเป็นกุญแจสำคัญเลยล่ะ”

“ผมว่าทุกครั้งที่คุณย้ายไปอยู่กับสโมสรใหม่ คุณอยากจะแน่ใจว่าจะรู้สึกดีและมีแผนวางเอาไว้ แต่ผมว่าทุกสิ่งที่ดีดูดีนะ”

“วันก่อน ดานี่ ส่งข้อความมาหาผมและเขาพูดถึงแต่สิ่งดีๆของสโมสร, ผู้จัดการทีมและทุกๆอย่าง”

“นั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมเหมือนกันและเขาก็แฮปปี้ที่ผมย้ายมาที่นี่ ดังนั้นนั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผมนะ มีคนรู้จักอยู่ที่นี่และได้ยินจากคนที่อยู่ภายในสโมสร เป็นเรื่องที่ดีนะ”

“การมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นความฝันเสมอล่ะ และผมก็ชอบสไตล์การเล่นของ อาร์เซน่อล ด้วย สำหรับผมแล้ว เชสก์ ฟาเบรกัส คือหนึ่งในไอดอลเลย”

“ผมเคยมาทดสอบฝีเท้ากับอาร์เซนอลตอนอายุ 15 และได้คุยกันหลายเรื่อง ผมมีความรู้สึกดีที่กับการอยู่ที่นะ และผมก็คิดแต่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น สุดท้ายผมอาจไม่ได้เลือกที่จะอยู่ที่นี่ แต่ผมก็มีช่วงเวลาที่ดี และจำมันได้เลยแหละ”

“ครั้งแรกที่ผมมายังสโมสร มันมีความรู้สึกที่ดี และทุกครั้งที่ได้ยินเกี่ยวกับอาร์เซนอล มันก็ยังเป็นแบบเดิมไม่เปลี่ยน ตอนนี้ผมย้ายมาแล้ว บางครั้งชะตาอาจจะลิขิตไว้ก็ได้”

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่