มาริโอ เกิตเซ่ ! จาก ฮีโร่ นัดชิง ฟุตบอลโลกปี 2014 กลับกลายเป็นผู้ที่ถูกลืม

คำพูดของ โจอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมชาติเยอรมันที่บอกว่า “แสดงให้โลกเห็นว่าคุณดีกว่า เมสซี่” ยังคงก้องอยู่ในหัวของ มาริโอ เกิตเซ่ มิดฟิลด์วัย 22 ปี กำลังจะลงสนามในเกมนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลโลกปี 2014 ที่พลพรรค “อินทรีเหล็ก” พบกับ อาร์เจนติน่า

ภายหลังได้ลงสนาม 10 นาทีจากนั้น เกิตเซ่ เป็นฮีโร่ซัดประตูชัยช่วยให้เยอรมันเอาชนะ อาร์เจนติน่า ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยหลังจบเกม เลิฟ กล่าวชม เกิตเซ่ ว่า “เกิตเซ่ เป็นเด็กมหัศจรรย์ เขาสามารถเล่นตำแหน่งใดก็ได้ในแนวรุก”

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามันค่อนข้างน่าเหลือเชื่อที่ เกิตเซ่ กลับต้องดิ้นรนในเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลอย่างหนัก และฤดูกาลนี้ เพลย์เมคเกอร์ชาวเยอรมัน ตัดสินใจย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบเงียบๆกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ทีมดังแห่งศึกเอเรดิวิซี่ลีก ฮอลแลนด์

เกิตเซ่ ถูกปล่อยออกจาก ดอร์ทมุนด์ ในเดือนมิถุนายนปี 2020 โดยปีสุดท้ายของเขาที่สโมสรนั้น”เสือเหลือง” เปลี่ยนแปลงแท็คติคไปมากหลังจากเซ็นสัญญาคว้าตัว เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ จาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก เข้ามาเสริมทัพ

ภายหลังอำลาถิ่น ซิกแนล อิดูน่าปาร์ค เกิตเซ่ ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และหันไปเล่นโยคะ กับฟิตเนส นอกจากนี้ เขายังได้รับควาสนใจจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น รวมถึง ฮันส์-ดีเทอร์ ฟลิค เทรนเนอร์ บาเยิร์น ยังพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับการกลับมาเล่นในทัพ “เสือใต้” แต่สุดท้ายถูกปฏิเสธโดย ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ผู้อำนวยการกีฬา บาเยิร์น

ขณะเดียวกัน ยังมีหลายสโมสรแสดงความสนใจในตัว เกิตเซ่ อาทิ ทีมในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ และทีมในบุนเดสลีกาอย่าง แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และ เอฟซี โคโลญจน์ รวมทั้งทีมอย่าง เอซี มิลาน, โรม่า, เซบีย่า และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

สุดท้ายเป็น พีเอสวี ที่ได้ลายเซ็น เกิตเซ่ ไปครอบครอง โดยอดีตมิดฟิลด์ บาเยิร์น ให้เหตุผลว่า พีเอสวี เป็นทีมใหญ่ในฮอลแลนด์ที่ประสบความสำเร็จมากมาย และมีประวัติศาสตร์ยาวนาน และที่สำคัญมี โรเจอร์ ชมิดท์ อดีตโค้ช เลเวอร์คูเซ่น เป็นกุนซือคนปัจจุบัน

เกิตเซ่ กล่าวต่อว่า “ผมคิดว่า พีเอสวี มีรูปแบบการเล่นที่กล้าหาญมาก นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว โดยเฉพาะเมื่อปีที่แล้วผมแทบไม่ได้ลงเล่นเลย นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผม ผมคิดว่า ผมอยู่ใกล้จุดพีค ผมแค่ต้องเล่นให้ได้จังหวะเหมาะสม ผมคิดว่า นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมในตอนนี้ และจากนั้น เราต้องคอยดูกัน เพราะมันขึ้นอยู่กับทีม และความสำเร็จของเราทั้งหมดด้วย”

ขณะที่ ชมิดท์ กล่าวถึง เกิทเซ่ ว่า “เขาเป็นเหมือนของขวัญที่จะทำให้เพื่อนร่วมทีมของเขาดีขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องทำให้เขามีสภาพร่างกายที่พร้อมที่สุด และปล่อยให้เขาเป็นตัวของตัวเองได้ดีที่สุด”

ในเวลานี้ เกิตเซ่ กำลังถ่ายทอดประสบการณ์ และความรู้ของตัวเองไปยังรุ่นน้องอย่าง โมฮัมเหม็ด อามีเนะ อีฮัตตาเริน กองกลางดาวรุ่งมากพรสวรรค์วัย 18 ปี ของ พีเอสวี เนื่องจาก ทั้งคู่เล่นในตำแหน่งเดียวกัน และมีเส้นทางที่คล้ายกัน

เกิตเซ่ กล่าวว่า“สำหรับ อีฮัตตาเรินมันเป็นสถานการณ์เดียวกันกับตอนที่ผมยังเด็กที่ต้องค้นหาความสม่ำเสมอ และทำความเข้าใจกับการเล่นในระดับนั้น แต่มันต้องใช้เวลา มันเป็นกระบวนการ และเขาจะเรียนรู้จากประสบการณ์”

นอกจากจะมอบประสบการณ์ และการให้คำปรึกษากับรุ่นน้องแล้ว เกิตเซ่ ยังทำผลงานส่วนตัวกับ พีเอสวี ได้อย่างน่าประทับใจด้วยการซัดไป 4 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ จาก 11 เกมรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้

อดีตเพลย์เมคเกอร์ บาเยิร์น กล่าวว่า “ถ้าผมมองย้อนกลับไปในปีที่แล้ว มันสำคัญมากที่ผมได้เล่น และเป้าหมายส่วนตัวของผมคือ การมีส่วนร่วมกับทีม และเราเห็นแล้วว่า มันเป็นอย่างไร ผมพยายามอยู่ในช่วงเวลานี้สนุกกับมัน และพยายามให้ดีที่สุด”

ขณะเดียวกัน เกิตเซ่ ยังคงมีความหวังที่จะกลับไปรับใช้ทีมชาติเยอรมันอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาติดทัพ “อินทรีเหล็ก” ไปแล้ว 63 เกม ซัดไป 17 ประตู โดยกล่าวว่า “ผมกับ โจอาคิม เลิฟ ยังคงติดต่อกันเสมอ”

“ผมรู้จักเขาตั้งแต่ผมอายุ 18 ปี ผมได้ทำงานร่วมกับเขา เราประสบความสำเร็จด้วยกัน เขาเป็นคนดี และเป็นโค้ชที่เก่งมาก แต่สำหรับผมในฐานะผู้เล่น ผมตัดสินใจไม่ได้ ผมไม่ใช่คนตัดสินใจ แต่ผมก็เปิดใจรับมันเสมอ”

เกิตเซ่ เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เขาเรียนรู้บทเรียนจากประสบการณ์ที่ผ่านมามากขึ้น และเมื่อถูกถามว่าจะอยู่กับ พีเอสวี เกินสัญญา 2 ที่เขาเซ็นไว้หรือไม่ อดีตดาวรุ่ง ดอร์ทมุนด์ ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่อยากมองอนาคตไกลเกินไป สำหรับผมมันเป็นช่วงเวลาหนึ่ง และเมื่อถึงเวลาแล้วเราค่อยมาดูกัน”3

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่