เอดินสัน คาวานี่ ! ทุกอย่างที่ผ่านการพิสูจน์เรียบร้อย

เอดินสัน คาวานี่ ย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดก่อนเส้นตายตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ไม่กี่ชั่วโมง

สัญญา 1 ปีพ่วงด้วยอ็อปชั่นอีก 1 ปี ถือว่าสมเหตุสมผลกับนักเตะวัย 33 ย่าง 34 ปี

ข้อดีคือแมนฯยูไนเต็ดไม่ต้องจ่ายสักเพนนีเดียวให้กับปารีส แซงต์ แชร์กแมงเพื่อเป็นค่าตัวของ คาวานี่

แม้จะต้องควักค่าดำเนินการหรือเรียกว่าค่าน้ำร้อนน้ำชาให้กับ วอลเตอร์ กูกลีเอลโมเน่ เอเยนต์นักเตะซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆก็ตาม ยังไงก็ถือว่าคุ้ม

คาวานี่ เหมือนกับ เบล นั่นแหล่ะ พกเอาสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ติดมาด้วย หลังบาดเจ็บและแทบร้างสนามไม่ได้ลงเล่นให้เปแอสเชอย่างต่อเนื่อง

ครั้งสุดท้ายที่ลงต้องย้อนไปยัง 11 มีนาคมในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกดวลกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จากนั้นก็ไม่เคยสัมผัสเกมอีกเลย

อย่างไรก็ดีก่อนเซ็นกับปีศาจแดง คาวานี่ พยายามรักษาร่างกายเรียกความฟิตตลอด เมื่อถึงเวลาจะได้พร้อมอย่างเต็มที่ไม่ต้องมารื้อฟื้นกันใหม่

ช่วงแรกจึงยังไม่ได้รับความไว้วางใจจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ซึ่งอธิบายไว้ว่าต้องการให้ร่างกายลงตัว ไม่อย่างนั้นอาจเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บซ้ำได้อีก

กว่าที่ คาวานี่ จะประเดิมต้องรอถึง 24 ตุลาคม ลงมาเป็นตัวสำรองแทน แดน เจมส์ ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเกมลีกเสมอเชลซีแบบโนสกอร์ ซึ่งยังไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรนัก

แต่สิ่งที่ คาวานี่ สร้างความประทับใจมากๆคือช่วงฝึกซ้อม เปิดเผยให้เห็นความเป็นมืออาชีพเต็มเปี่ยม

ใครที่ไม่เคยรู้จักตัวตนหรือสัมผัสมาก่อน อาจเตลิดคิดไปว่า คาวานี่ ย่อมเหมือนกับแข้งอเมริกาใต้ทั่วไป ฝีเท้าไม่เป็นที่สงสัย แต่อารมณ์ศิลปิน มักทำตามใจตัวเอง ไม่ค่อยเน้นการทำงานหนัก เพราะคิดว่ามีพรสวรรค์คอยสนับสนุน

ทว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คาวานี่ มุ่งมั่นและทำงานอย่างหนัก ไม่เคยแสดงอาการเหยาะแหยะ รวมทั้งคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์เลย

นอกจากนั้นยังใส่ใจทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องใหญ่ไล่ไปจนถึงสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเล็กน้อย

ขนาดอาหารที่สโมสรจัดให้ซึ่งถูกหลักตามโภชนาการอยู่แล้ว กินได้ตามสะดวก แต่เขายังพิถีพิถัน ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาสวาปาม

พฤติกรรมเหล่านี้อยู่ในสายตาของ โซลชา และทีมงานมาตลอด ส่วนเพื่อนร่วมทีมก็รู้สึกดีเช่นกัน เพราะ คาวานี่ ยังคอยสอนน้องๆทุกคน พวกแข้งตัวรุกจะได้รับคำแนะนำที่ดี

ประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพ คือจุดแข็งช่วยให้ คาวานี่ ยืนหยัดในจุดนี้ได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักเตะที่อายุมากขึ้นทุกวัน

โซลชา ชื่นชมในตัวแข้งอุรุกวัยหลายอย่าง แม้กระทั่งการวิ่งไล่บอลกดดันฝั่งตรงข้าม ก็ล้วนแต่โชว์ให้รู้เลยว่าแพสชั่นแค่ไหน ไม่ใช่ว่าย้ายมาเพื่อโกยเงินในช่วงท้ายของอาชีพ

ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากสโมสรจะตัดสินใจใช้อ็อปชั่นขยายสัญญาอีก 1 ปี ทุกอย่างเหมาะสม ไม่มีเหตุผลอะไรต้องมาค้างคากังขาน่าสงสัย

ตอนย้ายมาเขาอาจดูเหมือนว่าเป็นดีล panic buy ซื้อเพราะไม่ได้ใครแล้ว ล้มเหลวในการเจรจากับ เจดอน ซานโช่ เลยต้องรีบหาใครสักคนมาเสริม ไม่อย่างนั้นบอร์ดโดนถล่ม

ทุกอย่างผ่านการพิสูจน์เรียบร้อย สำหรับ คาวานี่ ไม่มีอะไรให้เคลือบแคลงกันอีก ของฟรีมีคุณภาพนานๆทีถึงตกมายังแมนฯยูไนเต็ดกันบ้าง

อยู่ไม่ได้ก็ต้องย้าย ! นี่คือเรื่องปกติสำหรับแข้งอาชีพทุกคน

ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดเมื่อซัมเมอร์ ด้วยความมุ่งมั่นจะต้องเป็นแกนหลัก

แต่พอเจอสถานการณ์จริงแล้ว แตกต่างอย่างสิ้นเชิง พื้นที่หลักคือม้าสำรอง พอได้ลงตัวจริงก็มักไม่ใช่เกมสำคัญ

โซลชา เองได้เข้าไปคุยและทำความเข้าใจแล้ว เวลาตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มักจะยกเอาชีวิตตอนค้าแข้งมาเสริมให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น

ไม่ใช่ ดอนนี่ คนเดียวหรอก ทีมชุดปัจจุบันของแมนฯยูไนเต็ดแกร่งขึ้นมาก ดังนั้นไม่มีทางที่จะจัดลงพร้อมๆกัน ต้องมีคนผิดหวังและเสียสละ

เพราะบางครั้งต่อให้เล่นดีมากๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเหมาะสำหรับเป็นตัวจริง

สิ่งที่อธิบายได้เกี่ยวกับเคสอย่างนี้คือ นักเตะทุกคนมีความสำคัญไม่ต่างกัน เพียงแต่แตกต่างในรายละเอียดตามสถานการณ์

ปัญหาคือผู้เล่นที่ต้องตกเป็นตัวสำรองประจำ คงไม่อินกับบทบาทอย่างนี้หรอก

สิ่งที่ต้องทำคือพยายามโชว์ผลงานให้ดีที่สุด เพื่อสร้างโอกาสในการเป็นตัวจริงมากยิ่งขึ้น

แต่หากคิดว่าไม่ไหวแล้ว อยู่นี่คงไม่รุ่งจริงๆ ทางออกเดียวก็คือการย้ายสังกัดซึ่งเป็นไปตามวิถีเพราะแม้กระทั่ง โซลชา เองก็เคยคิดอย่างนี้เหมือนกัน

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ! นักเตะที่ยืนอยู่บนจุดสุดยอดได้ยาวนาน กว่า 15 ปี

ชีวิตที่ยากลำบากปากกัดตีนถีบตั้งแต่จำความได้ น่าจะช่วยหล่อหลอมให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เติบโตขึ้นมาอย่างรู้จักคุณค่าทุกหยาดเหงื่อที่ทุ่มเทลงไป

ตอนที่แม่รู้ว่าตั้งท้องเขาครั้งแรก เคยมีความคิดว่าจะไปทำแท้งซะ เพราะหากปล่อยไว้ให้คลอดออกมาลืมตาดูโลก ความเป็นอยู่ของครอบครัวคงสาหัสกว่าที่เคย

แต่การเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย มันคือการตัดสินใจที่เปลี่ยนโลกฟุตบอลในยุคปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย

รวมทั้งเปลี่ยนสถานะจากผู้หญิงชาวโปรตุกีสธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำ กลายเป็นมารดาของแข้งลูกหนังที่เก่งกาจ มีชื่อเสียงและร่ำรวยมากสุดคนหนึ่งของโลก

ในขณะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอสคนที่สองซึ่งเปรียบเสมือนผู้มีพระคุณ บอกอย่างไม่ต้องเกรงใจใครว่า โรนัลโด้ คือนักเตะที่เปี่ยมด้วยความสามารถและพรสวรรค์มากสุดที่เคยร่วมงานด้วย

เฟอร์กี้ เสียดายตรงที่อยู่กับแมนฯยูไนเต็ดน้อยเกินไป เพียงแค่ 6 ปีเท่านั้นเอง หากอยู่โยงยาวๆไม่ต้องย้ายไปไหน จะก้าวสู่การเป็นตำนานยิ่งใหญ่สุดในประวัติสโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้กระทั่ง  ซึ่งเคยเป็นเจ้านายที่เรอัล มาดริดและเคยขัดแย้งกันมาก่อน ก็ยอมรับง่ายๆว่าไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนเก่งกาจมีความเป็นมืออาชีพแบบนี้ ต่อให้เกลียดขนาดไหนก็ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน

โรนัลโด้ จะอยู่ตรงจุดสูงสุดนี้ไปอีกกี่ปี ไม่มีใครให้คำตอบได้เลยว่าเมื่อไรจะถึงขาลงหรือว่าเขาอาจจะไม่ใช่คน แต่อาจจะมาจากนอกโลกก็เป็นไปได้

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

เดอะแบกแห่งปี 2021 ! เราควรเลิกสงสัยหรือตั้งคำถามได้แล้วว่า บรูโน่ เจ๋งจริงหรือเปล่า

2 กุมภาพันธ์ปีก่อน บรูโน่ ประเดิมอย่างเป็นทางการในสีเสื้อของแมนฯยูไนเต็ดเป็นเกมลีกที่ดวลวูล์ฟแฮมป์ตัน

ช่วงแรกเขายืนตัวรุกคอยปั้นเกม ก่อนจะเปลี่ยนมาปักหลักเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางหรือเบอร์ 6

ภาพรวมของเขาทำได้ดีมากๆ สามารถรับมือกับเกมที่หนักและเร็ว แต่ยังมีแฟนบอลบางส่วนมองไม่เห็น มีการตั้งคำถามว่าค่าตัวตั้งแพงเล่นได้ดาดๆแค่นี้เองหรือ

แต่หากใครได้รู้ความจริง บรูโน่ มาถึงแล้วแทบไม่มีเวลาปรับตัวอะไรทั้งสิ้น ลงซ้อมได้แค่วันเดียวก็ออกสตาร์ตในวันรุ่งขึ้น

เขายืนยันกับบอสเองว่าพร้อมเต็มที่ไม่มีปัญหา ทั้งสภาพร่างกายและความกระหายลงเล่น

ว่ากันว่า โซลชา พอใจทัศนคติเช่นนี้ของลูกทีมคนใหม่ๆมาก จากนั้นก็ส่งลงเล่นอย่างสม่ำเสมอและได้รับผลตอบแทนกลับมาที่คุ้มค่า

ไม่ใช่แค่ผลงานในสนามที่เปลี่ยนไป แต่บรรยากาศภายในทีมก็ดีขึ้น ทีมสปิริตแกร่งกว่าที่เคย ห้องแต่งตัวดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ส่วนหนึ่งมาจากการปลุกเร้าของ บรูโน่ ไม่ว่าจะการแสดงออกให้เพื่อนเห็นเป็นตัวอย่างยามอยู่ในสนามหรือกระตุ้นด้วยคำพูด

แม้บางทีพูดเยอะเกินไป จนเหมือนกลายเป็นตำหนิข้างเดียวกัน นำไปสู่การตอบโต้คืนทั้งเคส วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เนมานย่า มาติช แต่ล้วนเต็มไปด้วยเจตนาที่ดี ต้องการทำเพื่อทีมมากกว่าส่วนตัว

ที่สำคัญ บรูโน่ ไม่เก็บเอามาคิด จบแล้วก็จบกันไปในสนาม ความสัมพันธ์ข้างนอกยังเหมือนเดิม

เขาสามารถเคลียร์กับเพื่อน ทำความเข้าใจภายหลังได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ได้ต้องการโทษใครเลย แต่บางครั้งสถานการณ์มันพาไปเอง

ทุกคนต่างยินดีที่ได้นักเตะคุณสมบัติเช่นนี้มาร่วมงานทั้งสิ้น

นักเตะทุกคนเกลียดความพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับ บรูโน่ แล้วทีมแพ้ขึ้นมาจะเข้าขั้นผิดหวังขีดสุด จิตตกอยู่นานกว่าจะดึงตัวเองขึ้นมาได้

บางครั้งรู้สึกผิดบาปต้องโพสต์ระบายขอโทษแฟนบอล ซึ่งนั่นอีกทางออกที่พอช่วยปลดปล่อยความอัดอั้นได้บ้าง

เป้าหมายของ บรูโน่ คือในฤดูกาลนี้ต้องได้สัมผัสโทรฟี่กับแมนฯยูไนเต็ดสักใบหรืออย่างน้อยผ่านเข้าชิงบอลถ้วยสักรายการ เพราะผิดหวังมาตลอดในเกมตัดเชือกทั้ง 3 ครั้งหลังที่มีส่วนร่วม

จากผลงานในสนามและแพสชั่นที่ได้เห็น เราควรเลิกสงสัยหรือตั้งคำถามได้แล้วว่า บรูโน่ เจ๋งจริงหรือเปล่า เพราะเจอทีมใหญ่ทีไรมักจะหายเข้ากลีบเมฆ

ขนาดนี้แล้วต้องยกย่องมากกว่า เพราะถ้าไม่มี บรูโน่ จริงๆ ชะตากรรม โซลชา เวลานี้จะเป็นอย่างไรบ้างไม่รู้

บอกได้คำเดียวว่าแมนฯยูไนเต็ดโชคดีมากๆที่มีนักเตะชื่อ บรูโน่ แฟร์นันด์ส อยู่ในทีม

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

ใช้ ผี เป็นเครื่องมือ ! เซร์คิโอ รามอส กลับมาเกี่ยวพันกับปีศาจแดงอีกครั้ง

สื่อต่างๆ นัดกันโหมกระแส เซร์คิโอ รามอส เซ็นล่วงหน้ากับแมนฯยูไนเต็ด โดยจะย้ายมาในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้

พร้อมระบุว่าจะได้รับค่าจ้างราว 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นเรตที่ไม่ได้สูงอะไรนัก

ตามสถานการณ์ที่เราต่างรับรู้กันนั่นแหล่ะ สัญญา รามอส ที่มีอยู่กับเรอัล มาดริดจะครบเทอมในมิถุนายน 2021 หรืออีกแค่ 5 เดือนเท่านั้นและการเจรจาเพื่อขยายออกไปไม่เป็นเป็นผล

เหตุผลที่สะดุดมาจาก 2 ข้อใหญ่ๆ หนึ่งคือระยะเวลาสัญญามาดริดไม่ให้เกิน 1 ปีหรอก นักเตะอายุมากแล้ว มีนาคมนี้จะครบ 35 วัดตามมาตรฐานใกล้แขวนสตั๊ดเต็มที

อาจอนุโลมในแง่ที่ รามอส รับใช้ทีมมาตั้งแต่ปี 2005 ย้ายจากเซบีย่ามาแล้วเป็นตัวหลักในแนวรับมาตลอด แทบไม่เคยประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักๆเลย จึงมีอ็อปชั่นแนบไว้อีก 1 ปี

แน่นอนว่าเป้าหมายของ รามอส ไม่ใช่แบบนี้ เขาไม่จำเป็นต้องทวงบุญคุณอะไร แต่เรียกร้องตามความต้องการนั่นคือต้องได้ 2 ปี

อย่างน้อยที่สุดมันต้องมองเห็นคุณค่าของซื่อสัตย์ภักดีกันบ้าง ไม่ใช่คำนึงถึงผลประโยชน์ของสโมสรฝ่ายเดียวเท่านั้น

แม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขจริงๆ แต่จากสื่อและแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่เชื่อว่าได้จากมาดริดไม่เกิน 11 ล้านปอนด์ต่อปี

คำนวณแล้วตกสัปดาห์ล่ะ 2.2 ล้านปอนด์ สำหรับนักเตะที่เป็นกัปตันทีม คล้ายอีกหนึ่งสัญลักษณ์ แม้จะไม่ได้เติบโตมาจากอะคาเดมี่ แต่ก็หลักไมล์ที่รับใช้สโมสรก็ยืนยาวเข้าสู่ปีที่ 16

สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ รามอส สามารถรักษามาตรฐานได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งนำความสำเร็จมากมายมาให้

15 ปีของเขาคว้าแชมป์ลาลีกา 5 ครั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 4 ครั้ง รวมทั้งติดทีมยอดเยี่ยมยูฟ่าถึง 9 ครั้งด้วยกัน

แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ไวรัสที่ระบาดหนักจนหลายสโมสรอ่วมไปตามๆกัน นี่จึงไม่ใช่ช่วงเวลาจะต้องมาเปย์ก้อนใหญ่แลกกับนักเตะวัย 35 ปีเลย

เต็มที่คือตัวเลขเท่าเดิม เคสแบบนี้ควรเห็นใจสโมสรที่มีความเสี่ยงจะหนี้พอกได้แบบบาร์เซโล่าเผชิญอยู่ ไม่ใช่เห็นแก่ได้ฝ่ายเดียว

ในเมื่อต่างฝ่ายต่างมีจุดยืนอันมั่นคงและเหตุผลของตัวเอง บทสรุปง่ายๆคือแยกย้ายตัวใครตัวมัน

หากไม่มีเหตุคลาดเคลื่อน รามอส น่าจะเก็บเสื่อหมอนอำลามาดริด แต่ป้ายหน้าจะเป็นที่ไหนนั้น มันน่าติดตามไม่น้อย

ฉะนั้นการได้เล่นในลีกใหญ่ของยุโรป ที่เปลี่ยนบรรยากาศไปจากลาลีกา มันย่อมน่าลิ้มลองบรรยากาศมากๆ

และหากเราต่างเชื่อกันว่าพรีเมียร์ลีกคือลีกดีสุดในโลก รามอส เองก็คงมีความคิดในทำนองนั้นด้วย

เรเน่ รามอส พี่ชายซึ่งทำหน้าที่เอเจนต์ อยากจะมีส่วนในการโน้มน้าวน้าวน้องให้มาโชว์ฝีเท้าในลีกผู้ดีบ้าง ดังนั้นเลยถูกนำไปโยงกับแมนฯยูไนเต็ดอย่างที่รับรู้กัน

เป็นช่วงที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กำลังมองหาเซ็นเตอร์แบ็กชั้นเซียนมายืนคู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แม้วัยจะไม่ตรงสเป็กนัก แต่ในส่วนอื่นถือว่าเหมาะสมทั้งสิ้น

แมนฯยูไนเต็ดขบวนนี้ต้องการผู้นำในสนามที่กร้าวแกร่ง พร้อมชนแหลกกับฝั่งตรงข้ามและร้องถามผู้ตัดสินเพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้ทีม รามอส จึงตอบโจทย์อย่างไม่ต้องสงสัย

นอกจากนี้แหล่งข่าววงในยังอ้างด้วยว่า โซลชา ไม่ได้สนใจ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ เท่าไรนัก ปล่อยให้ลิเวอร์พูล , เชลซีและบาเยิร์น มิวนิคเปิดศึกแย่งกัน ความเป็นไปได้ในเคสดึง รามอส จึงเพิ่มน้ำหนักมากกว่าเดิม

ในปี 2015 รามอส เคยตกเป็นข่าวกับแมนฯยูไนเต็ดอย่างหนักหน่วง หลุยส์ ฟานกัล กุนซือเวลานั้นเปิดแขนรอต้อนรับแล้ว แต่สุดท้ายกลับขยายสัญญามาดริดต่อ ท่ามกลางเสียงนินทาว่าแท้จริงใช้เป็นเครื่องมือเพื่อต่อรองต่างหาก

ผ่านไป 6 ปี รามอส กลับมาเกี่ยวพันกับปีศาจแดงอีกครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกันไป

แมนฯยูไนเต็ดจะตกเป็นเครื่องมืออีกหรือไม่ อีกไม่นานเราคงได้คำตอบกัน

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่