รีบเลย ! สิ่งที่ โธมัส ทูเคิ่ล ควรทำกับ เชลซี

ในวงการฟุตบอลมันไม่บ่อยครั้งนักที่กุนซือซึ่งเคยพาทีมคว้าแชมป์จะโดนไล่ออก แต่สำหรับ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มี โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียเป็นเจ้าของทีมนั้น มันเป็นเรื่องปกติที่ตำแหน่งผู้จัดการทีมจะเป็นเหมือนเก้าอี้ดนตรี

โค้ชชื่อดังอาทิ โชเซ่ มูรินโญ่, คาร์โล อันเชล็อตติ, อันโตนิโอ คอนเต้ รวมถึง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ต่างโดย อบราโมวิช เชือดทิ้งมาแล้วทั้งสิ้น และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็เป็นเหยื่อยรายล่าสุดที่ตะเพิดเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมาหลังจากทำผลงานได้อย่างย่ำแย่

ขณะเดียวกัน โธมัส ทูเคิ่ล ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามารับเผือกร้อนต่อจาก แลมพาร์ด ซึ่งก่อนหน้านี้ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ทำผลงานได้เป็นอย่างดีกับอดีตทีมเก่าอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

อย่างไรก็ตาม ทูเคิ่ล ต้องเข้ามาแก้ปัญหาหลายๆอย่างในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ แม้ เชลซี จะมีขุมกำลังนักเตะพร้อมแค่ไหนก็ตาม และนี่คือสิ่งที่ กุนซือวัย 47 ปี ควรทำอย่างเร่งด่วนหลังเข้ามาเป็นนายใหญ่ “สิงโตน้ำเงินคราม”

1. ทำให้ ติโม แวร์เนอร์ คืนฟอร์ม
ในช่วงหลัง แวร์เนอร์ ดูเหมือนจะหมดความมั่นใจไปแล้วหลังจากพลาดจุดโทษในศึกเอฟเอ คัพ ที่ เชลซี เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ เอาชนะ ลูตัน ทาวน์ 3-1 เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา โดยหัวหอกทีมชาติเยอรมัน แสดงออกถึงความผิดหวังอย่างหนัก และหงุดหงิดกับฟอร์มการเล่นของตัวเองอย่างยิ่ง

ภายใต้การคุมทีมของ แลมพาร์ด นั้น แวร์เนอร์ ถูกปรับบทบาทไปเกือบตลอดทั้งในตำแหน่งตัวรุกฝั่งซ้าย และกองหน้าตัวเป้า ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอ และนั่นเป็นสิ่งที่ ทูเคิ่ล ต้องแก้ปัญหาให้ได้

นอกจากนี้ การที่นักเตะในแนวรุก เชลซี พากันฟอร์มตกหลายคนก็ทำให้ แวร์เนอร์ ไม่สามารถแสดงฝีเท้าของเขาได้อย่างเต็มที่ และ ทูเคิ่ล ต้องรีดศักยภาพของ ดาวยิงวัย 24 ปี กลับมาให้เร็วที่สุดเพื่อพา “สิงโตน้ำเงินคราม” กลับสู่เส้นทางที่ดีอีกครั้ง

2. หาตำแหน่งที่เหมาะสมให้กับ ไค ฮาแวร์ตซ์
ฮาแวร์ตซ์ กลายเป็นเหยื่ออีกรายที่ถูก แลมพาร์ด จับไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัดทั้งที่ดาวเตะชาวเยอรมันเคยโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ต้นสังกัดเก่าในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุกหมายเลข 10 และกองกลางหมายเลข 8

ฮาแวร์ตซ์ ถูกคว้าตัวมายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสร 72 ล้านปอนด์ และมันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เจ้าตัวจะเจอความกดดันถาโถมใส่อย่างหนักถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งมีอายุเพียง 21 ปี ก็ตาม

อดีตเด็กปั้น เลเวอร์คูเซ่น เป็นมิดฟิลด์ที่มีร่างกายแข็งแกร่ง และพาบอลทะลุทะลวงเข้าไปเล่นในกรอบเขตโทษคู่แข่งได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม ซึ่ง ทูเคิ่ล ก็รู้ถึงจุดเด่นของ ฮาแวร์ตซ์ เป็นอย่างดีหลังเคยเห็นฝีเท้าในเยอรมันมาแล้ว

ในเวลานี้อยู่ที่ว่า ทูเคิ่ล จะหาตำแหน่ง และแท็คติคที่เหมาะสมให้กับ ฮาแวร์ตซ์ ได้เร็วแค่ไหน ซึ่งหากหาจุดที่ลงตัวได้มันก็เป็นผลดีกับ เชลซี ในระยะยาวด้วยเช่นเดียวกัน

3. หาแผงมิดฟิลด์ตัวจริง
จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มัตเตโอ โควาซิช, เมสัน เมาท์, ฮาแวร์ตซ์ และ บิลลี่ กิลมัวร์ คือรายชื่อผู้เล่นกองกลางทั้งหมดของ เชลซี ชุดนี้ แต่ในช่วงที่ผ่านมา แลมพาร์ด ยังหาแผงมิดฟิลด์ที่เป็นตัวหลักไม่ได้เลย

ในช่วงแรกที่ ทูเคิ่ล ไปคุม เปแอสเช ก็เจอปัญหาแบบนี้เช่นกัน เขามีเพียง มาร์โก แวร์รัตติ มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลี เป็นตัวหลักในแดนกลาง และใช้ อังเคล ดิ มาเรีย กับ ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ เป็นตัวขับเคลื่อนเกมก่อนที่เขาจะคว้าตัว อิดริสซ่า เกย์ กับ อันเดร์ เอร์เรร่า เข้ามาเสริมความมั่นคงมากขึ้น

สำหรับแผงกองกลางของ เชลซี นั้น ทูเคิ่ล ต้องตัดสินใจว่า ใครจะเล่นในบทบาทหมายเลข 6, 8 และ 10 ในการยืนระยะทำศึกช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง

4. เลือกกองหน้าเบอร์ 1
ภายใต้การคุมทีมของ แลมพาร์ด โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, แทมมี่ อับราฮัม และ แวร์เนอร์ ต่างก็ต้องแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งตัวจริงในแดนหน้า นอกจากนี้ เชลซี ยังตกเป็นข่าวว่า อยากได้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หัวหอกตัวเก่ง ดอร์ทมุนด์ มาล่าตาข่ายอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า จะไม่มีใครก้าวขึ้นมาเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าหมายเลข 9 ได้ดีเลยนับตั้งแต่ ดิเอโก้ คอสต้า ดาวยิงชาวสเปนอำลาสโมสรไป และ ทูเคิ่ล ต้องตัดสินใจเลือกกองหน้าตัวหลักให้กับ เชลซี ได้แล้ว

ชิรูด์ เก่งในลูกกลางอากาศแต่อายุ 34 ปีแล้ว อับราฮัม มีสภาพร่างกายแข็งแกร่งแต่ยังต้องรอประสบการณ์มากกว่านี้ ส่วน แวร์เนอร์ โดดเด่นในบทบาท False9 แต่ฟอร์มตก ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาที่ ทูเคิ่ล ต้องเผชิญก่อนที่จะสร้างแท็คติคการเข้าทำรอบๆกองหน้าตัวหลักที่เขาไว้ใจจนกว่าจะมีทางเลือกอื่นในซัมเมอร์

5. ให้โอกาสเยาวชนต่อไป
ถึง แลมพาร์ด จะอำลาทีมไปแล้ว แต่เขาก็ทิ้งมรกดชิ้นงามไว้ให้กับ เชลซี มากมาย โดยนักเตะดาวรุ่งอย่าง อับราฮัม, เมาท์, รีส เจมส์ และ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ต่างพากันแจ้งเกิดได้อย่างยอดเยี่ยม และ ทูเคิ่ล น่าจะเข้ามาสานต่อในการพัฒนาแข้งอนาคตไกลเหล่านี้ต่อไปได้

ทูเคิ่ล เคยทำงานร่วมกับดาวรุ่งมากพรสวรรค์มากมายสมัยที่คุม ดอร์ทมุนด์ รวมทั้งสุดยอดกองหน้าอายุน้อยอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ ที่ เปแอสเช ดังนั้น เชลซี ก็จะได้เทรนเนอร์ที่สามารถเข้ามาต่อยอดความสำเร็จในสถาบันเยาวชนของพวกเขาได้

แม้บรรดาดาวรุ่ง เชลซี ที่กล่าวมาทั้งหมดอาจไม่ได้เป็นตัวเลือกในระยะยาวที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เนื่องจากนโยบายทุ่มเงินของ โรมัน อบราโมวิช แต่พวกเขาก็ถือเป็นกำลังเสริมชั้นดีที่ทำให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” มีนักเตะหมุนเวียนทำศึกหลายๆรายการในอนาคต

6. ให้อดีตลูกน้องเก่าอย่าง ติอาโก้ ซิลวา และ คริสเตียน พูลิซิส ช่วยงาน
ทูเคิ่ล ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ พูลิซิช ที่ ดอร์ทมุนด์ และ ซิลวา ที่ เปแอสเช และยิ่งไปกว่านั้น เขาเคยขอให้บอร์ดบริหาร เปแอสเช ซื้อตัวนักเตะ เชลซี อย่าง จอร์จินโญ่ และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ กองหลังชาวเยอรมัน มาแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

รายงานข่าวระบุว่า พูลิซิส มีความสุขมากที่ ทูเคิ่ล มาคุม เชลซี เพราะทั้งคู่รู้มือกันดีอยู่แล้ว ขณะที่ ซิลวา ก็กลายเป็นผู้นำในห้องแต่งตัวของ “สิงโตน้ำเงินคราม” อย่างเต็มตัว ซึ่งอิทธิพลของกองหลังแซมบ้ามีต่อเพื่อนร่วมทีมอยู่มากทีเดียว

พูลิซิส และ ซิลวา คุ้นเคยกับแท็คติคของ ทูเคิ่ล เป็นอย่างดี และทั้งคู่จะเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่ทำให้ ทูเคิ่ล ทำงานในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้อย่างราบรื่น

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

แผนนี้แจ่มมั้ย ! เผยโฉม สิงห์บลู ยุคใหม่หาก ทูเคิ่ล ได้ 3 สตาร์เสริมทัพ

สื่อต่างประเทศหลายสำนักต่างรายงานตรงกันว่า โธมัส ทูเคิ่ล เตรียมได้รับการแต่งตั้งให้มาสานงานต่อจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด หลังจากกุนซือชาวเยอรมันกำลังว่างงานนับตั้งแต่ถูก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว

ทั้งนี้คาดว่าสาเหตุที่ เชลซี เลือก ทูเคิ่ล เข้ามากุมบังเหียนนั้นจะสามารถเข้ามาเรียกฟอร์มการเล่นของคู่หูทีมชาติเยอรมันอย่าง ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ทซ์ ที่ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งออกมากได้นับตั้งแต่ย้ายมาจากลีกเมืองเบียร์ด้วยค่าตัวมหาศาลเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

ล่าสุด เดอะ ซัน ได้จัดทำไลน์อัพ เชลซี ในยุคของ ทูเคิ่ล ในอนาคต หากได้ใช้งบเสริมทัพซื้อสตาร์ดังเข้ามาเพิ่มทั้ง ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ปราการหลังจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป

ขณะที่รายต่อมาเป็น มาร์โก แวร์รัตติ มิดฟิลด์ตัวเก่งจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่มีข่าวเชื่อมโยงในการย้ายออกจากทีม และจะได้กลับมาร่วมงานกับ ทูเคิ่ล อีกครั้ง


ปิดท้ายที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าคนเก่ง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่มีรายงานว่า เชลซี วางแผนการใหญ่ที่จะทุ่มเงินเป็นสถิติใหม่สโมสรเพื่อดึงตัวมาร่วมทีมให้ได้หลังจบฤดูกาลนี้

และนี่คาดว่าจะเป็นหน้าตา 11 ตัวจริงของ เชลซี ในยุค โธมัส ทูเคิ่ล หากได้แข้งเหล่านี้เข้ามาเสริมทัพ โดยมาในระบบ 4-3-3

เริ่มจากตำแหน่งผู้รักษาประตูยังคงเป็น เอดูอาร์ เมนดี้ ที่รับบทมือ 1 ต่อไป ส่วนแบ็กโฟร์ให้ รีซ เจมส์ ยืนแบ็กขวา ด้าน เบน ชิลเวลล์ เล่นทางซ้าย ส่วนคู่เซนเตอร์เป็น ติอาโก้ ซิลวา จับคู่กับ ดาโยต์ อูปาเมคาโน่

ขณะที่กองกลางมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ยืนทำหน้าที่คู่กับ มาร์โก แวร์รัตติ โดยมี ไค ฮาแวร์ทซ์ คอยทำหน้าที่เป็นตัวบัญชาเกมรุกตามถนัด

ส่วน 3 ประสานแดนหน้าให้ คริสเตียน พูลิซิช ไปยืนริมเส้นด้านขวา ขณะที่ ติโม แวร์เนอร์ ประจำการฝั่งซ้าย โดยมี ฮาแลนด์ รับบทกองหน้าตัวเป้า

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่

เป็นเพราะอะไรกัน ! สาเหตุที่ทำให้ ติโม แวร์เนอร์ ฟอร์มตกแบบน่าใจหาย

หากย้อนกลับไปเมื่อซีซั่นที่แล้ว เทียบในช่วงเวลาเดียวกัน ติโม แวร์เนอร์ซัดไปแล้ว 20 ประตูให้กับแอร์เบ ไลป์ซิก ในบุนเดสลีก้า ถัดมาอีก 1 ปี เขากลับยิงให้เชลซีในลีกได้เพียงแค่ 4 ประตูเท่านั้น ห่างกันถึง 16 !

แน่นอนว่าปัจจัยในเรื่องของสภาพแวดล้อมต้องเข้ามามีส่วน ไม่ว่าจะเป็นการที่แข้งวัย 24 ปี ออกมาหาความท้าทายในต่างแดนครั้งแรก หรือลีกฟุตบอลอาชีพที่มีความเข้มข้นขึ้นหลายเท่า แต่ถึงกระนั้นแล้ว ยังไงแลมพาร์ดก็ต้องคาดหวังผลผลิตจากดาวเตะเจ้าของค่าตัว 57.6 ล้านปอนด์มากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน

แต่จะว่าไป ก็ไม่ใช่ว่าแวร์เนอร์จะไม่เคยแสดงพิษสงค์ออกมาให้สาวกเดอะ บลูส์เห็นเลยสักหน่อย หากจำกันได้ 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 5 กับเซาแธมป์ตัน ดูเหมือนจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเชลซีที่ตอนแรกออกสตาร์ทซีซั่นมาแบบกระท่อนกระแท่น

แวร์เนอร์ต่อยอดความน่าตื่นเต้นในตัวเขาด้วยการซัดเพิ่มอีก 2 ประตูในช่วง 3 เกมถัดมา ทุกอย่างในตอนนั้นทำท่าเหมือนจะออกมาสดใส แต่เปล่าเลย… หัวหอกจากแดนไส้กรอกกลายเป็นกองหน้าที่ไร้ความมั่นใจ ตีนบอดยาวนับตั้งแต่ส่งบอลผ่านมือ อารอน แรมส์เดล เมื่อ 11 เกมที่แล้ว

ทุกอย่างมันช็อตไปดื้อๆ เขาเป็นอะไรไป? นี่คือนักเตะคนดังคนเดิมกับที่ตะบัน 95 ประตู ใน 159 เกมให้ไลป์ซิก มันเป็นเรื่องของจังหวะฟอร์มตก , ความลำบากในการปรับตัวกับชีวิตใหม่ในอังกฤษ , หรือเป็นข้อบกพร่องของเชลซีเองที่ละเลยบางอย่างไป

วันนี้เรามีข้อมูลที่น่าสนใจจาก ราล์ฟ ฮาเซนฮุทเทิล กุนซือนักบุญ ซึ่งเคยร่วมงานกับแวร์เนอร์เป็นเวลา 2 ซีซั่นที่ไลป์ซิก ที่ฟังแล้วก็ถือว่ามีเหตุผลพอตัวเลย

“ผมรู้จักติโมเป็นอย่างดี และผมเห็นมากับตาแล้วกับช่วงเวลาที่เขามีผลงานตกต่ำ” กุนซือชาวออสเตรียกล่าว

“บ่อยครั้งที่ผมเห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเขา มันก็มักจะมาจากระบบการเล่นที่ไม่สอดคล้องกับสไตล์ของติโม ทีมไม่ได้ใช้ระบบที่สามารถเอื้อให้เขาได้ดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองออกมาปรากฏในสนาม”

“เขาเป็นนักเตะประเภทที่ทีมจะต้องปรับระบบเข้าหาเขา และถ้าคุณทำเรื่องนี้ให้เขา

ได้ อะไรที่คุณต้องการจากผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า เขาจะจัดให้คุณได้หมด”

กับที่ไลป์ซิก มันชัดเจนอยู่แล้วว่าตัวอันตรายคือใคร ระบบมากมายถูกสับเปลี่ยนนำมาใช้ บางครั้งก็ถ่างเขาไปอยู่ปีกซ้ายบ้าง บางทีก็จับถอยลงมาเป็นตัวต่ำยืนหลังหอกตัวเป้าบ้าง หรือแม้แต่คอมโบกับยูสเซฟ โพลเซ่นในตำแหน่งหน้าคู่ก็ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเกมแบบไหน แต่ระบบที่มีให้เลือกใช้เหล่านี้ ต่างเป็นระบบที่เอื้อประโยชน์ต่อแวร์เนอร์ ในการสร้างความเสียหายให้คู่แข่งทั้งสิ้น

ยกตัวอย่างเกมที่โฆเซ่ มูรินโญ่พาไก่เดือยทองบุกเยือนไลป์ซิกในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อซีซั่นที่แล้ว หลังสร้างความได้เปรียบบุกเชือด 1-0 ในเลกแรกจากจุดโทษของแวร์เนอร์.. ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มของทีมปิ๊งไอเดีย จัดการโยกตำแหน่งแวร์เนอร์จากที่เล่นเป็นตัวกลางในนัดแรก ให้ไปอยู่ริมเส้นฝั่งซ้ายแทนในนัดที่สอง

เพราะเขารู้ดีว่ามูรินโญ่ไม่ได้เชื่อใจในแบ็คขวาสองตัวที่มีอยู่ ทั้งแซร์จ อูริเย่ร์ และ จาเฟ็ต แทงกังก้า พร้อมกับมั่นใจว่ากุนซือไก่เดือยทองจะต้องกำชับลูกทีมให้เปิดเกมบุกเต็มพิกัดเพื่อทวงอเวย์โกลคืนแน่นอน

ทุกอย่างเป็นไปตามอย่างที่นาเกลส์มันส์คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ติโม แวร์เนอร์ในตำแหน่งปีกซ้าย สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับสเปอร์สจนเสียขบวน เขารอจังหวะโจมตีลูกทีมของมูรินโญ่ด้วยจังหวะสวนกลับเร็ว จบ 90 นาทีอัดสเปอร์สกลับบ้านไม่ถูกไป 3-0

ตัดภาพมาที่เชลซีตอนนี้ ยังไม่มีอะไรใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมเดิมของแวร์เนอร์เลยสักนิด นอกจากแลมพาร์ดจะยังหา 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดของตัวเองไม่เจอแล้ว กุนซือหนุ่มยังมีปัญหาเรื่องการมอบหมายหน้าที่ให้นักเตะที่ถูกเลือกลงสนามอีกต่างหาก

แวร์เนอร์ถูกจับเล่นตรงกลางบ้าง ปีกซ้ายบ้าง ขนาดลองโยกไปอยู่ปีกขวาที่ไม่คุ้นเคยก็มีให้เห็นมาแล้วในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกบุกเยือนคราสโนดาร์ ลองคิดตามแล้วนะก็ยังหาเหตุผลของแลมพาร์ดไม่เจอเหมือนกันว่าทำแบบนั้นทำไม?

ในขณะเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่แวร์เนอร์ต้องถูกฉีกออกไปอยู่ด้านข้าง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์และแทมมี่ อับราฮัม ก็ได้โอกาสสับเปลี่ยนกันมายืนตำแหน่งหน้าเป้าแทน ศูนย์หน้าจากแดนน้ำหอมออกสตาร์ทเกมพรีเมียร์ลีกในฐานะตัวค้ำหอกไปแล้วด้วยกัน 5 เกม ขณะที่อับราฮัมลงตัวจริงไป 8 เกม

นี่หมายความว่าแลมพาร์ดไม่ได้มีแผงแนวรุกที่ดีที่สุดในใจเลย เขายังลองนู้นลองนี้อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ออกมาคือ เขาดึงศักยภาพของกองหน้าแต่ละคนที่มีอยู่ออกมาไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะคนที่เพิ่งซื้อตัวเข้ามาใหม่เมื่อช่วงซัมเมอร์ ซึ่งผ่านการรับใช้สโมสรซึ่งมีเอกลักษณ์และรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนกว่าที่เชลซีเป็นอยู่หลายขุม

ยอดทีมจากลอนดอนตะวันตกรั้งอันดับ 4 ในลิสต์ทีมที่มีค่าเฉลี่ยการครองบอลสูงสุดในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นสถิติที่ไลป์ซิกเองก็มีสูงเช่นกันในบุนเดสลีก้ากับตอนที่มีแวร์เนอร์อยู่

แต่ทว่าลูกทีมของแลมพาร์ดกลับรั้งอันดับที่ 14 ในพรีเมียร์ลีก หากแบ่งนับเพียงแค่การครองบอลในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่ง และอยู่ในอันดับ 7 สำหรับทีมที่ขึ้นไปเพรสซิ่งแดนบน

วิเคราะห์จากเกมที่ผ่านมาของเชลซี พอถึงจังหวะที่พวกเขาจะเปลี่ยนเกมจากรับเป็นรุก หรือทวงบอลคืนกลับมาในพื้นที่อันตราย ฟุตบอลของเชลซียังห่างไกลกับสิ่งที่แวร์เนอร์คุ้นเคยอีกเป็นมหาสมุทร ทีมที่เหมาะกับแวร์เนอร์ หากเทียบสถิติอย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีก คือทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,ลิเวอร์พูล หรือ เซาแธมป์ตัน ที่จ้องจะเพรสซิ่งเพื่อแย่งบอลคืนจากแดนบน ดันเกมขึ้นโจมตีด้วยจังหวะบอลที่รวดเร็ว หรือทั้งสองอย่าง

ในขณะที่เชลซียังหาทางออกให้กับแวร์เนอร์ไม่เจอ กลับยังมีอีกหนึ่งสถิติที่อาจอธิบายเรื่องฟอร์มอันน่าผิดหวังของแวร์เนอร์ในซีซั่นนี้ได้ นอกจากพาทริค แบมฟอร์ด(12 ครั้ง),คริส วู๊ดและออลลี่ วัตส์กิน(10 ครั้ง) ติโม แวร์เนอร์เองก็เป็นอีกคนที่อยู่ในแถวหน้าของรายชื่อหัวหอกที่พลาดโอกาสทองในการทำประตูมากที่สุด ที่จำนวนถึง 9 ครั้งด้วยกัน

ซึ่งสำหรับหลายคนที่ติดตามผลงานของแวร์เนอร์ในบุนเดสลีก้ามาอย่างใกล้ชิด จะไม่แปลกใจกับสถิติที่ออกมาเลย แวร์เนอร์อาจจะถูกยกย่องมาต่างๆนาๆ แต่เขาไม่ใช่กองหน้าที่มีความนิ่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่จุดเด่นของเขาคือความขยัน การเคลื่อนที่และความเร็วที่มักเปลี่ยนโอกาสที่มีให้เป็นประตู

ตอนนี้สิ่งที่แวร์เนอร์จำเป็นต้องทำให้ได้คืออดทนและใจเย็นให้มากถึงมากที่สุด การกดดันตัวเองในตอนนี้จะไม่ช่วยอะไร และที่สำคัญที่สุด แลมพาร์ดจะต้องมีระบบการเล่่นที่แน่ชัดของตัวเองได้แล้ว ทีมที่มีลักษณะเป็นแชมเปี้ยนจะต้องมี 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดไว้ใช้งานในเกมแต่ละนัด ที่ผ่านมาทดลองมาเยอะแล้ว ถึงเวลาพาสิงห์บลูส์กลับสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น มิเช่นนั้นอะไรๆอาจจะสาย ไม่ใช่สำหรับทีมนะ แต่สำหรับตัวกุนซืออย่างซูเปอร์แฟรงค์เองนั่นแหละ

 

เกาะติดวงการลูกหนังไทยและต่างประเทศ

Line @kickoff69 ได้ที่นี่